หากจะพูดถึงจังหวัดในกลุ่มสนุกของภาคอีสานนั้น “สกลนคร” เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีความพร้อมในหลายๆด้าน ในเรื่องนคร 3ธรรม ที่มีทั้ง ธรรมชาติ ธรรมะ วัฒนธรรมหลากหลาย ที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวเพราะมีสนามบินประจำจังหวัดจึงง่ายแก่การเดินทางและยังสามารถเชื่อมโยงไปยังจังหวัดใกล้เคียงได้อีกด้วย เรียกว่าสะดวกสบายเที่ยวกันแบบสนุกไม่มีเบื่อกันเลยที่เดียว ความหลากหลายในแหล่งท่องเที่ยวที่รอให้คุณมาสัมผัสกับเมืองแห่งนี้ ไม่ว่าจะมาคู่ มาเดี่ยว มาแบบทั้งครอบครัว เที่ยวกับเพื่อนๆ มาก็ได้หมด
รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร นาย นพดล ไพฑูรย์ ได้พูดถึงการส่งเสริมในเรื่องการท่องเที่ยวในแต่ละชุมชนทั้ง 54 หมู่บ้าน โครงการไทยนิยม โดยช่วยเหลือด้านต่างๆทั้งการดึงอัตลักษณ์ของชุมชน การแสดง โอท็อปต่างๆ เพื่อให้ชาวบ้านและชุมชนได้มีกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้าสู่ชุมชน เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้วิถีชุมชนอาหารการกิน การแสดง ประเพณีต่างๆ ไม่ใช่แค่ช่วงเทศกาลต่างๆ สกลนคร สามารถเที่ยวได้ทั้งปีเลยก็ว่าได้ สำหรับทริปนี้ เที่ยวติดดินจะพาท่านไปเที่ยว “สกลนครรอบใหม่ หัวใจไม่เหมือนเดิม” เมื่อมาถึงสกลนครแล้วอย่างแรกเลยที่เราควรจะต้องไปก็คือเข้าวัดเพื่อความเป็นสิริมลคลแต่การเดินทาง วัดพระธาตุเชิงชุม ศาสนสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองที่ชาวสกลนครเคารพนับถือ ยอดฉัตรเหนือองค์พระธาตุทำด้วยทองคำบริสุทธิ์หนัก 247 บาท ภายในมีรอยพระพุทธบาท 4 พระองค์ นับตั้งแต่พระกกุสันทะ พระโกนาคม พระกัสสะปะ และพระโคดม เชื่อกันว่าอานิสงส์ในการนมัสการพระธาตุเชิงชุมนั้นจะก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลสูงสุดแก่ตนเองและครอบครัวให้มีความเจริญรุ่งเรือง แคล้วคลาดปราศจากอันตราย การนมัสการหลวงพ่อพระแสน ที่เชื่อกันว่าท่านจะให้พรในด้านโชคลาภ ให้มีเงินทองนับหมื่นนับแสน มีความมั่งมีศรีสุขในชีวิต ในทุกวันจะมีประชาชนมากราบไหว้พระธาตุเชิงชุมและหลวงพ่อพระแสนเป็นจำนวนมากทีเดียว พระธาตุเชิงชุม ตั้งหันหน้าไปทางหนองหานที่อยู่ทางทิศตะวันออก เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน รูปทรงสี่เหลี่ยม สูง 24 เมตร ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยม ส่วนบนเป็นทรงบัวเหลี่ยม ไม่มีลวดลายประดับ ที่ฐานเจดีย์ มีซุ้มประตูทั้งสี่ด้าน ซุ้มยอดประตูมีลักษณะเป็นยอดปราสาท ข้างในทึบสร้างด้วยศิลาแลง และหินทรายแดง มีซุ้มประตูหลอกแบบขอม องค์พระธาตุในปัจจุบันเป็นศิลปะล้านช้าง เนื่องจากช่วงที่อิทธิพลของอาณาจักรล้านช้างแผ่เข้ามาบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๙ และได้มีการบูรณะองค์พระธาตุขึ้นมาใหม่
ไหว้พระเสร็จแล้วก็ลงเรือไปชมความลี้ลับกันที่ บึงหนองหารแห่งนี้นอกจากจะมีจุดชมวิวความกว้างใหญ่ของหนองหารแล้ว ยังมีเรือรับส่งให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการจะไปสัมผัสดินแดนแห่งตำนาน เกาะดอนสวรรค์ ด้วยตาตนเองสักครั้งด้วยเกาะดอนสวรรค์เป็นเกาะขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางบึงหนองหาร มีพื้นที่กว่า 100 ไร่ ภายในเกาะมีโบสถ์โบราณตั้งอยู่ เป็นแลนด์มาร์กของเกาะนี้บรรยากาศรอบๆ เกาะเต็มไปด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ มีต้นไม้ขนาดใหญ่มากๆ หลายต้น และมีต้นตะเคียนคู่ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้การนับถืออยู่บนเกาะด้วย
หลังจากนั้นเราจะพาไปชมแปลงผักลอยน้ำที่ บ้านน้ำพุ ซึ่งเป็นการทำการเกษตรแบบปลอดสารพิษอาศัยปุ๋ยที่ทับถมกันมาเพื่อปลูกพืช และยังมีทางเดินชมวิวบึงหนองหารอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งการท่องเที่ยวที่จะทำให้เราได้เรียนรู้เกียวกับการเกษตรแนวใหม่ที่น่านำไปใช้ต่อไป
ต่อไปเราก็จะพาไปเดินชิลๆกันที่ท่าแร่ ถ่ายรูปเกร๋ๆกับตึกเก่าบ้านเก่ากัน หมู่บ้านท่าแร่ (ชุมชนคาทอลิค) ตั้งอยู่ริมหนองหาร บนทางหลวงหมายเลข 22 (สกลนคร-นครนม) ต.ท่าแร่ อ.เมือง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 21 กม. หมู่บ้านท่าแร่ เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นหมู่บ้านที่มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์มากที่สุดในประเทศไทย เป็นชุมชนที่เก่าแก่มีอายุกว่า 100 ปี ชาวบ้านแทบทุกหลังคาเรือนนับถือศาสนาคริสต์ ในอดีตประมาณปี พ.ศ.2427 ประชากรชาวท่าแร่เป็นคริตชน อพยพมาจากประเทศเวียดนามประมาณ 40 คน อาศัยอยู่ในตัวเมืองสกลนคร และมีบาทหลวงเกโก(มิชชั่นนารีชาวฝรั่งเศส) เป็นผู้ดูแลความเป็นอยู่ แต่เนื่องจากจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น กอปรกับมีปัญหากับเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคน จึงได้ย้ายมาตั้งถิ่นฐานใหม่ที่บ้านท่าแร่ ซึ่งเต็มไปด้วยป่าไม้มีหินลูกรังทั่วไป และคนพื้นเมืองเรียก “หินแฮ่” และยังเป็นที่ตั้งของอัครสังฆมณฑลท่าแร่ หนองแสง หรือสำนักมิสซังท่าแร่ฯ หมู่บ้านนี้มีผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมตารางหมากรุก คล้ายกับบ้านเมืองในแถบประเทศตะวันตก นอกจากนี้ยังมีบ้านเรือนสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสที่งดงามเรียงรายสองข้างทางในถนนสายหลักของหมู่บ้านเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ในทุกๆ วันที่ 25 ธันวาคม ของทุกปี ชุมชนแห่งนี้จะจัดเทศกาลแห่ดาวคริสต์มาส โดยจัด “ขบวนแห่ดาวคริสต์มาส” ที่ อ.เมือง โดยเชื่อว่า “ดาว” เป็นสัญลักษณ์ของการเสด็จลงมาประสูติบนโลกมนุษย์ของพระเยซู ขบวนรถจะตกแต่ง ด้วยดาวขนาดใหญ่ ประดับประดาด้วยดวงไฟวิทยาศาสตร์หลากสีสันอย่างสวยงาม และจะสื่อถึงเรื่องราวการประสูติของพระเยซู ในทุกปีจะมีรถดาวเข้าร่วมขบวนประมาณ 200 คัน ชาวบ้านก็จะตกแต่งโคมไฟรูปดาวไว้ที่หน้าบ้าน จากนั้นเป็นการเฉลิมฉลองในหมู่ชาวคริสต์ มีการร้องเพลงประสานเสียง การประกวดร้องเพลงคริสต์มาส มีการจำหน่ายสินค้าและมีมหรสพทั้งคืน
สถานที่ต่อไปจะพาท่านไปพบกับแลนด์มาร์กพญานาคสีขาวที่สร้างขึ้นใหม่ใกล้ๆกับบึงบัวกันที่อุทยานบัว
อุทยานบัว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2553 เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมบัวพันธุ์ต่างๆ และรองรับการประชุมวิชาการบัวนานาชาติปี พ.ศ.2553 ที่จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ศึกษา ค้นคว้า ของนิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป รวมทั้งยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดสกลนคร
ปัจจุบันอุทยานบัวแบ่งออกเป็น ๓ ส่วนดังนี้ 1. ส่วนรวบรวมพันธุ์บัว เป็นการรวบรวมพันธุ์บัวทั้งในและต่างประเทศทั้งหมด 34 สายพันธุ์ เช่นบัวกระด้ง บัวสาย บัวผัน-เผื่อน และบัวฝรั่ง รวบรวมไว้ในรูปแบบสระบัวบนพื้นที่ 10 ไร่ โดยมีทางเดินที่สามารถเดินลงไปชมบัวได้ อย่างใกล้ชิด 2. ส่วนแสดงพันธุ์บัว โดยนำบัวพันธุ์จำนวน 74 สายพันธุ์มาจัดโชว์บนกระถาง เพื่อให้ผู้สนใจ ได้ใกล้ชิดกับบัวมากขึ้น 3. ส่วนนิทรรศการ ได้จัดแสดงไว้ในชั้นล่างของอาคารวิจัยและพัฒนา ซึ่งเป็นนิทรรศการความรู้และความเป็นมาของบัวพันธุ์ต่าง ๆ เหมาะแก่การศึกษาค้นคว้าได้เป็นอย่างดี
หลับแดดร้อนๆไปหัดย้อมผ้าครามกันที่ เฮือนนางคราม เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีวิถีการทำผ้าย้อมคราม ด้วยวิธีธรรมชาติและให้เราได้ทดลองออกแบบและทำที่ละขั้นตอน เราก้จะได้ผ้าครามในแบบของตนเองได้เก๋ๆ นอกจากนั้นยังมีเสื้อผ้าย้อมครามให้เลือกซื้อมากมาย สำหรับท่านที่สนใจอยากไปทดลองทำผ้าครามแบบสกลนครก็สามารถติดต่อและสอบถามได้ ที่ https://www.facebook.com/เฮือนนางคราม โทรสอบถามรายละเอียดกันได้ที่ 0818712945
หิวแล้วก็ได้เวลาไปกินข้าวเย็นกันแบบบ้านๆ กันที่เฮือนภูไทกะต๊ะโนนหอม (เฮือนแสดงวิถีชีวิตและศิลปวัฒนธรรมภูไทโนนหอม) เรียกได้ว่าเป็นสถานที่สำหรับรับแขกบ้านแขกเมืองถ้าใครที่อยากจะมาสัมผัสกับวิถีของชาวภูไท เป็นสถานที่จัดแสดงศิลปวัฒนธรรม และประเพณีของกลุ่มชาติพันธุ์ภูไทโนนหอมและยังเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีและส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชีวิตภูไท อาหารการกินที่นี้จะเป็นแบบบ้านๆรับรองว่าคุณจะต้องประทับใจมากๆในการต้อนรับ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มากันเป็นหมู่คณะ ถ้าไปกันไม่กี่คนก้ลองสอบถามกันไปก่อนนะครับ https://www.facebook.com/Phutaikata/ ที่อยู่1 หมู่ที่ 2 บ้านโนนหอม ตำบลโนนหอม อำเภอเมือง
สำหรับในคืนแรกนี้พาไปพักกันที่ ฮัก สกลนคร (HUG Sakonnakhon) ซึ่งมีห้องพักคุณภาพและบริการน่าประทับใจ ท่านจะรู้สึกผ่อนคลายเสมือนอยู่บ้านตัวเอง ใจกลางเมืองอยู่ห่างจากที่พักไปเพียง 7 km และเดินทางไปถึงสนามบินได้ภายใน 15 นาที ด้วยโลเคชั่นที่ยอดเยี่ยม ผู้เข้าพักจะเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ ของเมืองได้อย่างสะดวกง่ายดาย ผู้เข้าพักสามารถเพลิดเพลินกับบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกเหนือระดับได้ ณ ที่พักในสกลนครแห่งนี้ ที่พักแห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายคอยให้บริการอย่างพิถีพิถันที่สุดแก่ผู้เข้าพัก ห้องพักของที่พักได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อมอบความสะดวกสบายสูงสุดให้แก่ผู้เข้าพัก บางห้องพักยังมีนโยบายเรื่องการสูบบุหรี่ – ห้องปลอดบุหรี่เท่านั้น, เครื่องปรับอากาศ, อินเทอร์เน็ต (ไม่เสียค่าใช้จ่าย), อินเทอร์เน็ต, เครื่องใช้ในห้องน้ำ คอยให้บริการ ที่พักมีสิ่งอำนวยความสะดวกทางสันทนาการไว้บริการ เช่น สวน ท่านจะประทับใจไม่รู้ลืมเมื่อได้เข้าพักที่นี่ เมื่อเข้าพักที่ฮัก สกลนคร ผู้เข้าพักจะได้พบกับบริการแบบมืออาชีพและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายซึ่งผสมผสานกันอย่างลงตัว https://www.facebook.com/ฮักสกลนคร
เริ่มลุยกันต่อสำหรับวันที่2 วัดพระธาตุนารายณ์เจงเวงตั้งอยู่ภายในวัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง เป็นปราสาทหินที่ได้รับอิทธิพลศิลปะขอม องค์เจดีย์เป็นทรงสี่เหลี่ยม ส่วนที่เป็นหลังคาและยอด ปัจจุบันหักพังหมดแล้ว ยังคงเหลือแต่องค์พระธาตุ ซึ่งประกอบด้วยปรางค์องค์เดียว สร้างด้วยหินทรายบนฐานศิลาแลงขนาดใหญ่ และเชื่อกันว่าเป็นฝีมือของผู้หญิงสร้างทั้งหมด เพื่อแข่งขันกับผู้ชายที่สร้างพระธาตุภูเพ็ก เป็นอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการเคารพทั้งคนในและนอกจังหวัดสกลนครเป็นจำนวนไม่น้อย
แวะทานกาแฟกันสักหน่อยที่ฟาร์ฮักถือว่าเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ฟาร์มแกะ รวมกันอยู่ในแห่งเดียวกัน ภายในฟาร์มมีร้านโคขุนคุณทองขายเต๊กเนื้อโคขุนโพนยางคำ รวมถึงอาหารประเภทต่างๆ เป็น จุดแวะพักแวะเที่ยว ที่จะได้สัมผัสบรรยากาศสไตล์คาวบอยคันทรี ร่มรื่นด้วยการจัดตกแต่งสวนสวย แถมมีมุมถ่ายภาพชิคๆ หลากหลายมุม
พญาเต่างอย ตำนานพญาเต่างอย ถูกกล่าวขึ้นเมื่อราว 400 ปีก่อน ในขณะนั้นไทยได้ทำสงครามกับลาว ลาวพ่ายแพ้ จึงถูกกวาดต้อนมาอยู่ในประเทศไทย เมื่อเดินทางมาถึงลำน้ำพุง ซึ่งเป็นลำน้ำขนาดใหญ่และมีเต่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้คนในสมัยนั้นเห็นว่าบริเวณนี้น่าจะมีพืชพันธ์ ธัญญาหารที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การเป็นที่อยู่อาศัย จึงได้ตั้งถิ่นฐานที่อยู่อาศัยขึ้น โดยตั้งชื่อว่า หมู่บ้านเต่างอย ตามสถานที่ที่พบเห็นเต่าที่กำลังลอยริมฝั่งแม่น้ำ (เต่างอย หมายถึง เต่าที่กำลังอยู่บนที่สูงที่เป็นริมตลิ่งหรือโขดหิน) ตั้งแต่นั้นมา หมู่บ้านแห่งนี้จึงมีสัญลักษณ์เป็นรูปเต่า และได้ตั้งชื่ออำเภอว่า เต่างอย
หลังจากนั้น ชาวบ้านและหน่วยงานราชการต้องการสร้างสัญลักษณ์ของอำเภอเต่างอยขึ้น จึงได้ให้ช่างจากศูนย์ฝึกศิลปาชีพบ้านกุดนาขามสร้างรูปปั้นเต่ายักษ์ไว้หลังที่ทำการอำเภอเต่างอย มีลักษณะเป็นเต่าขนาดใหญ่ เกล็ดบนหลังแต่ละเกล็ดมีรูปพระเกจิอาจารย์ประดับตกแต่ง ส่วนบนหลังจะประดับด้วยดอกบัวปั้น ในดอกบัวมีสร้อยทอง พระ ของขลังต่างๆ บรรจุไว้พร้อมฉาบปิดไว้อย่างแน่นหนา เหตุที่ใส่เครื่องรางของขลังลงไป เพราะเชื่อว่าจะทำให้ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย อายุยืนเหมือนกับเต่า และหากใครได้มาสักการบูชาจะทำให้อายุยืนยาว มีโชคมีลาภกลับไป
ดังนั้น จึงผู้ที่เดินทางมากราบไหว้พญาเต่างอยอย่างไม่ขาดสาย หลายๆคนมักได้โชคลาภกลับไปอย่างน่าอัศจรรย์ บ้างก็เห็นตัวเลขบริเวณลำตัวของพญาเต่างอย บ้างก็ฝันเห็นเต่างอยมาให้โชค ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่ถ้าหากใครจะไปลองเสี่ยงโชคหรือขอโชคลาภจากพญาเต่างอยก็ไม่เสียหาย ไม่แน่ว่าอาจจะได้กลับมาแก้บนที่นี้อีกครั้งก็ได้
วัดถ้ำผาแด่น
ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน บ้านดงน้อย ตำบลดงมะไฟ อ.เมือง จ.สกลนคร อยู่ห่างจากตัวจังหวัด 17 กม. เป็นอีกหนึ่งใน สถานที่ที่ห้ามพลาดของสกลนคร ที่งดงามด้วยงานแกะสลักบนหน้าผาหินที่มีเอกลักษณ์วิจิตรศิลป์ สวยสดงดงามถ่ายทอดเรื่องราว พุทธประวัติ เป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งในจังหวัดสกลนคร มีความเป็นมานับร้อยปี วัดตั้งอยู่บนภูเขาสูง ท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่นและ โดยมีการจัดพื้นที่ให้สามารถชมทิวทัศน์และถ่ายรูป บริเวณศาลาผาแดงมองเห็นตัวเมืองสกลนครและทะเลสาบหนองหารได้แบบ 180 องศา
พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตเถระ เนื่องจากวัดป่าสุทธาวาสเป็นสถานที่ในการละสังขารของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ภายในอาคารจึงมีอัฐิธาตุของพระอาจารย์มั่น และการจำลองรูปเหมือนโดยสร้างเป็นหุ่นขี้ผึ้งในท่าขัดสมาธิขึ้น รวมทั้งมีการใช้สถานที่แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อจัดแสดงเครื่องอัฐบริขาร อาคารนี้ก่อสร้างเป็นสถาปัตยกรรมที่เรียบง่าย และดูใกล้ชิดกับธรรมชาติ อันเป็นการสะท้อนถึงการใช้ชีวิตของท่านตลอดทั้งชีวิตการอุปสมบท
เจดีย์จันทสารเจติยานุสรณ์จันทสารเจติยานุสรณ์ หรือ เจดีย์พิพิธภัณฑ์หลวงปู่หลุย จันทสาโร ก่อสร้างขึ้น ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยพระองค์ทรงร่างแบบพระราชทานเบื้องต้นในการก่อสร้างอาคารหลังนี้และมีพระราชกระแสรับสั่งว่า “ควรสร้างเจดีย์ที่วัดป่าสุทธาวาส อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ที่วัดนี้ มีอัฐิธาตุของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ท่านจะได้อยู่ใกล้กัน
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.สกลนคร ศูนย์ฯ จะอยู่ก่อนพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จากปากทางสู่ตัวโครงการด้านใน ลึกใช้ได้ เพราะว่าเนื้อที่พื้นที่สาธิตเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม ก็ปาเข้าไปกว่า 2,000 ไร่ รวมกับพื้นที่พัฒนาป่าไม้อีก 1,100 ไร่ และพื้นที่หมู่บ้านรอบศูนย์ฯ อีก 22 หมู่บ้าน จำนวน 11,000 ไร่ ทั้งหมดก็หมื่นกว่าไร่ กว้างมาก ภายในศูนย์ฯ แบ่งเป็นงานศึกษา 10 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีวัตถุประสงค์เหมือนกันคือ การขยายผลสู่เกษตรกรรอบศูนย์ฯ และเกษตรกรทั่วประเทศ ดังที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระองค์พระราชทานแนวพระราชดำริต่างๆ เพื่อให้ศูนย์ศึกษาพัฒนาภูพานฯ แห่งนี้ เป็นแบบจำลองของภาคอีสาน เพื่อให้เป็นพื้นที่ส่วนย่อ ให้สอดคล้องกับการแก้ปัญหาและศึกษาวิธีการพัฒนาของภูมิภาคได้อย่างเหมาะสม
ในโครงการจะมีรถรางให้นั่งชมรอบโครงการ พื้นที่สาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่ ดูแปลงผักเกษตรอินทรีย์ ซึ่งจะมีคนคอยบรรยายให้ความรู้ตลอดระยะทาง หากมาที่นี่ตอนเช้าๆ จะสามารถซื้อผักที่เก็บกันสดๆ จากแปลงได้เลย แถมราคายังถูกซะด้วย โดยไฮไลท์สำคัญอีกที่ งานปศุสัตว์ กับ เรื่องราวของสามดำมหัศจรรย์ คือ โคเนื้อภูพาน (วัวสีดำหรือทาจิมะภูพาน ซึ่งในอนาคตหากพัฒนาสายพันธุ์ จะสามารถขายเนื้อวัวชนิดนี้ได้ ก็จะมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละเป็นหมื่นบาท) สุกรภูพาน (หมูดำ) และไก่ดำภูพาน และกระต่ายดำ
เดินทางกันมาเยอะแล้วเริ่มหมดแรงข้าวเหนียว มาอีกสานหรือสกลนครแล้วไม่ได้กินข้าวเหนียวส้มตำไก่ย่างเดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงอีสาน ข้าวเหนียวส้มตำไก่ย่างรสชาติแซ่บๆไม่ว่าคนใดก็ต้องยอมเพื่อที่จะหาร้านอร่อยๆเพื่อตามไปลิ้มลอง วันนี้เที่ยวติดดินขอแนะนำร้าน ลำดวน ไก่ย่าง เป็นอีกร้านที่อร่อยไม่แพ้ที่พังโคน ราคาไม่แพง ร้านนี้เป็นทางผ่านลงมาจากทางพระตำหนักภูภาณราชนิเวศน์ ไปพิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น อยู่ต.ห้วยยาง อ.เมือง จังหวัดสกลนครค่ะ อยู่ตรงริมทางหลวงเลย มาถึงก็ให้จอดรถริมถนน เปิดทุกวัน 7โมงเช้าถึง 4โมงเย็น
กินอิ่มแล้วก็ได้เวลาลุยกันต่อกับอีกหนึ่งสถานที่ วัดถ้ำพวง จังหวัดสกลนคร ศาสนสถานที่มีสังเวชนียสถาน 4 ตำบลจำลองสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชมพิพิธภัณฑ์อาจารย์วัน อุตฺตโม พระเถราจารย์ผู้มีชื่อเสียงแห่งภาคอีสาน ผู้สร้างวัดแห่งนี้ขึ้นบนภูผาเหล็ก เป็นวัดธรรมยุตินิกายฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน ตั้งอยู่ติดกับภูเขาในเขตท้องที่บ้านท่าวัด
ตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัดคือ จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานีและจังหวัดกาฬสินธุ์ อยู่บนเทือกเขาภูพานซึ่งเชื่อมต่อจากจังหวัดสกลนคร ภูเขานี้มีนามตามชาวบ้านท้องถิ่นเรียกว่า “ภูผาเหล็ก” ซึ่งคงจะมาจากความหมายที่ว่าบริเวณพื้นที่ถ้ำพวงนั้นมีแร่เหล็กเป็นจำนวนมาก หากนำแม่เหล็กวางลงบนพื้นดิน จะมีหินเล็กๆ ติดขึ้นมาเป็นพวง ภายในวัดถ้ำอภัยดำรงธรรม มีสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ ดังนี้ พิพิธภัณฑ์อาจารย์วัน อุตฺตโม เป็นอาคารเป็นรูปทรงจตุรมุข 2 ชั้น ประดับด้วยหินอ่อนทั้งหลัง ชั้นล่างตกแต่งเป็นห้องแสดงภาพวาดเกี่ยวกับประวัติของพระอาจารย์ตั้งแต่เกิด ส่วนชั้นบนมีรูปปั้นของท่าน ในท่านั่งขัดสมาธิ พร้อมเครื่องสักการะบูชาที่ตกแต่งสวยงาม และตู้กระจกแสดงเครื่องอัฐบริขารของท่าน
สังเวชนียสถาน 4 ตำบล อันประกอบด้วย
1. สถานที่ที่พระพุทธเจ้าประสูติ คือ อุทยานลุมพินี
2. สถานที่ที่ระพุทธเจ้าตรัสรู้ คือ ที่ควงไม้โพธิ์ พุทธคยา
3. สถานที่ที่แสดงปฐมเทศนา คือ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี
4. สถานที่ที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน คือ ที่สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา
โดยสังเวชนียสถานทั้ง 4 นี้ได้ถูกจำลองมาจากประเทศอินเดีย มีเพียงแห่งเดียวในอีสาน
หลังจากนี้ก็เราได้เวลาเข้าเมืองไปเดินเล่นหาซื้อของฝากกันที่ถนนผ้าครามอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของจังหวัดสกลนคร ใครที่รักและชื่นชอบผ้าย้อมครามเป็นทุนเดิมลองได้มาเดินที่นี่แล้วก็ต้องจัดกลับไปฝากเพื่อนๆคนรัก หรือจะใส่เองก็แล้วแต่ มีให้เลือกหลากหลายราคา หลายร้านมากๆ
ถนนผ้าคราม เป็นถนนคนเดินเปิดขึ้นมาใหม่ในเมืองสกลนครตรงบริเวณหน้าวัดพระธาตุเชิงชุม เป็นแหล่งรวมสินค้าผ้าย้อมครามของชาวสกลนครจากหลายร้านมาเปิดแผงขายเรียงรายกันทุกๆ เย็น วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวและประชาชนชาวสกลนครเข้าถึงผ้าย้อมครามได้ง่าย มีแบบให้เลือกหลากหลายในที่เดียว สินค้าจากผ้าย้อมครามไม่ได้มีแต่เสื้อผ้าเท่านั้น ยังประยุกต์เป็น กระเป๋า รองเท้า และของใช้อีกหลายอย่าง ดีไซน์เก๋ไก๋ไม่ดูเป็นคนแก่ สามารถเลือกสวมใส่ได้ทุกเพศทุกวัย ด้วยคุณสมบัติที่มีผลงานการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ว่าผ้าย้อมครามมีคุณสมบัติในการป้องกันรังสี UV ได้ในระดับหนึ่งซึ่งดีกว่าผ้าชนิดอื่นอีกหลายชนิด จึงทำให้ผ้าย้อมครามได้รับสมญานามใหม่ว่า ผ้าผิวสวย
ย่านเมืองเก่า ถนนผ้าคราม สกลนคร สถานที่ตั้ง : อยู่บริเวณติดกับวัดพระธาตุเชิงชุม
อ.เมือง จ.สกลนคร มีทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์