7 Greens เปิดแหล่งท่องเที่ยวรักษ์โลก

เมื่อหน้าฝนมาถึงอีกครั้ง คนส่วนมากมักจะคิดว่าไปเที่ยวก็เดินทางลำบาก แต่ถ้าคิดในมุมกลับหน้าฝนนี่ล่ะเรายังจะได้สัมผัสอากาศเย็น ที่ให้ความรู้สึกคนละแบบลมหนาวในช่วงปลายปี รวมถึงทัศนียภาพที่มองไปทางไหนก็สดชื่นสบายตาไปเสียหมด

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงจัดทำโครงการ 7 Greens ให้นักท่องเที่ยวสามารถเลือกการท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับตัวเอง ถึง 7 รูปแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมเสนอแหล่งท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ เพื่อลดการกระจุกตัวในแหล่งท่องเที่ยวหลักประกอบไปด้วย

  1. Green Heart: เที่ยวด้วยใจคิด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ต้องมีหัวใจที่เคารพ และตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งแวดล้อม นับเป็นหัวใจหลักในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

  2. Green Logistics: เที่ยวใกล้ไกล เลือกใช้พลังงานสะอาด ผ่านรูปแบบการเดินทางสีเขียว เน้นการประหยัดพลังงาน ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม

  3. Green Attraction: มุ่งสร้างชุมชนให้เข้มแข็งและยั่งยืน แหล่งท่องเที่ยวสีเขียว มีการบริหารจัดการการท่องเที่ยวกับสภาพดั้งเดิมของพื้นที่นั้นไว้ได้

  4. Green Activity: กิจกรรมท่องเที่ยวเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

  5. Green Community: ชุมชนสีเขียว เที่ยวอย่างรู้คุณค่า รักษาเอกลักษณ์ชุมชน เน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่สำคัญต้องคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม และวิถีชีวิตอันเป็นอัตลักษณ์ของชุมชน

  6. Green Service: จัดการธุรกิจ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใส่ใจธุรกิจท่องเที่ยวแขนงต่าง ๆ เลือกใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

  7. Green Plus: จิตอาสาดูแลสิ่งแวดล้อม นับเป็นการช่วยเหลือแหล่งท่องเที่ยวง่าย ๆ ด้วยตัวของนักท่องเที่ยวเอง

ซึ่งในปีนี้มีทั้งหมด 3 จังหวัดที่ได้เข้าร่วมโครงการก็คือ เกาะหมาก จ.ตราด จ.พังงา และ จ.น่าน

สำหรับทริปนี้ “เที่ยวติดดิน” ได้เดินทางไปที่ เกาะหมาก ซึ่งอุดมไปด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ ด้วยความร่วมมือร่วมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาวบ้าน และผู้ประกอบการ ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์อันแน่วแน่ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จนทำให้เกาะหมากได้ชื่อว่าเป็น Low Carbon Destination ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่ไม่มีร้านสะดวกซื้อ , ปลูกผัก Low Carbon กันเอง นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังรับซื้อกุ้ง หอย ปู ปลา จากชาวบ้านที่จับเอง

นอกจากนี้ชาวเกาะหมากยังรณรงค์ในเรื่องของกิจกรรมการท่องเที่ยว Low Carbon ไม่ว่าจะเป็น เส้นทางปั่นจักรยาน, กีฬา Disc Golf และการเล่นเรือใบ เป็นต้น ปัจจุบันที่ผ่านมาเกาะหมากมีรีสอร์ต 40 แห่ง ห้องพัก 700 ห้อง รับนักท่องเที่ยวได้วันละ 1,400 คนเท่านั้น ร่ายมายาวแล้วก็ได้เวลาไปเที่ยวติดดินกันเลยครับบ

Seavana Resort

รับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านอาหารในซีวาน่า รีสอร์ท ที่ใช้วัตถุดิบที่ปลูกในพื้นที่ ด้วยการปลูปแบบออแกนิกส์ ปลอดสาร ใน Concept: “from garden to table” fresh hand picked vegetable & herb from our garden and farm on Koh Mak to the dishes.

Koh Mak Resort

หลังจากกินอิ่มเติมพลังสะอาจเข้าร่างกายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะพาเพื่อนๆไปกันที่เกาะหมากรีสอร์ท ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มทำเกษตรอินทรีย์ ปลูกผัก และผลไม้ปลอดสารพิษ ตามแนว Low Carbon Destination แหล่งท่องเที่ยวที่มีการปลดปล่อยคาร์บอนต่ำ เพื่ออนุรักษ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม พร้อมเก็บผลไม้ สับปะรด มะละกอ พริก ถั่วฝักยาว เพื่อทำเมนูส้มตำ

Dish Golf จานร่อนมหาสนุก กีฬายอดฮิตในอเมริกา และประเทศในแถบยุโรป ซึ่งเDมืองไทยมีสองแห่งเท่านั้น หนึ่งในนั้นก็คือที่เกาะหมาก การเล่นคล้ายกอล์ฟใช้กติกาเดียวกัน เปลี่ยนจากใช้ไม้กอล์ฟตีลูกให้ลงหลุมมาเป็นร่อนจานให้ลงตะกร้าแทน ถ้าคนเคยตีกอล์ฟก็จะเข้าใจได้ไม่ยาก สำหรับการเล่นก้มีความท้าทาย เพราะต้แงร่อนผ่านสิ่งกีดขวาง อย่างต้นไม้และระยะทางต่างๆกัน ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกีฬาที่น่าสนใจและสนุกไม่ใช่น้อยเลย

Cinnamon Art Resort & Spa

ที่มาของเรื่องราว และแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดรีสอร์ทบูติค Background, Story and inspiration of the Boutique Hotel มีเจ้าของเป็นชาวเกาะหมากโดยกำเนิด เจตนาจะสร้างรีสอร์ทนี้ เพื่อให้ผู้มาเยือนได้ สัมผัสกับความเรียบง่าย ด้วยวัสดุจากธรรมชาติ อาทิเช่น ไม้เก่า , ไม้ไผ่ , ใบไม้ เหมือนหมู่บ้านชาวทะเลตามแบบบรรพบุรุษ ให้คุณได้รับความสุขจากสายลม…แสงแดด….ท้องฟ้าสุกสว่าง ด้วยแสงจันทร์ แสงดาว หิ่งห้อย นั่งตกหมึก ว่ายน้ำ หรือเดินเปลือยเท้าบนหาดสีทอง ชมความงามของอ่าวตั๋นเกาะหมาก ที่ไม่เหมือนแห่งใดในโลก ซึ่งจุดเด่นของที่Cinnamon Art Resort & Spa นั้นก็คือสะพานไม้ที่ทอดตัวลงไปในทะเล ที่มีความยาวที่สุดในเกาะหมาก เป็นอีกหนึ่งจุดที่ใครมาเกาะหมากแล้วไม่ควรพลาดที่จะมาถ่ายภาพสุดคลู

เกาะหมากซีฟู้ด

ร้านอาหารริมทะเลที่บริหารงาน โดยลูกหลานชาวเกาะหมากดั้งเดิม ตั้งอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์เกาะหมาก เมนูส่วนใหญ่ในร้านเป็นวัตถุดิบท้องถิ่นเป็นหลัก บรรยากาศร้านนั้นก้มีทั้งด้านอนติดริมทะเล และด้านใน เมนูอาหารก็เป็นของพื้นถิ่นและปลา ก็ซื้อจากชาวบ้านที่นำมาขายเพื่อช่วยให้กับคนในพื้นที่ได้มีอาชีพ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

เส้นทางจักรยาน

เส้นทางจักรยานเกาะหมาก เริ่มต้นที่สะพานอ่าวนิด ร่วมกิจกรรม เก็บขยะริมชายหาด กับคนในชุมชน บริเวณสะพานตรงอ่าวนิด – บ้านแหลม หมู่บ้านชาวประมงติดแหลมตุ๊กตา ผ่านอ่าวพระ และหมู่บ้านเก่าที่ทำยาง และสวนมะพร้าว โรงรีดยางเก่า วิ่งชมทิวทัศน์ 2 ข้างทาง ผ่านเส้นเลซี่เดย์ผ่านต้นไม้ ทิวมะพร้าว ผ่านแนวด้านหลัง ผ่านสันเนิน เห็นเต้นท์และทะเล จบที่ Thai Cooking School

Smile Koh Mak Thai Cooking School

เรียนทำอาหารไทยริมทะเลแม้ว่าเกาะหมากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติเงียบสงบ แต่ก็มีกิจกรรมต่าง ๆ ให้ผู้มาเยือนได้ เลือกทำไม่รู้เบื่อ โดยเฉพาะใครที่ชอบเรื่องอาหารหรือการทำกับข้าว ขอแนะนำให้ลองไปที่ Smile Koh Mak Thai Cooking School โรงเรียนสอนทำอาหารไทยที่มีบรรยากาศของบ้านไม้ริมทะเล ให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง เมื่อเรียนแล้วก็นำอาหารที่ปรุงเสร็จมาแบ่งปันกันกินในหมู่นักเรียน เรียกว่าได้ทั้งความรู้ อิ่มอร่อยแล้วยังได้ภูมิใจในฝีมือตนเองอีกด้วย

คุณครูใจดีเจ้าของโรงเรียน คือ คุณเล้ง วริศราอริยวงศ์ปรีชาเป็นลูกสาวของ “เถ่าชิ้ว” หรือพ่อครัว ในภาษาจีน ทางบ้านมีกิจการรับจัดโต๊ะจีนย่านเยาวราช เธอจึงซึมซับงานทำครัวของพ่อมาตั้งแต่เด็ก กระทั่งเติบโตมาเป็นคนที่รักการทำอาหาร ทว่าอีกด้านก็มีความใฝ่ฝันอยากไปใช้ชีวิตที่ต่างจังหวัด หลังเรียนจบจากมหาวิทยาลัยมีโอกาสผ่านงานหลายด้าน ทั้งเป็นครูอาสา ทำงานด้านสิ่งแวดล้อม กลับกรุงเทพฯ มาเปิดร้านอาหารอยู่ไม่กี่ปี ก่อนโบยบินสู่โลกกว้างอีกครั้งหนึ่ง มาเปิดโรงเรียนสอนทำอาหารที่เกาะช้าง จังหวัดตราด ก่อนย้ายมาปักหลัก ที่เกาะหมากในที่สุด

ตัวโรงเรียนเป็นบ้านชั้นเดียวขนาดกะทัดรัดตั้งอยู่ริมทะเล ใกล้กับร้านอาหารชื่อดังอย่างเกาะหมากซีฟู้ด คุณเล้งบอกว่าใครอยากเรียนกับเธอมาตัวเปล่าได้เลย เพราะที่นี่เตรียมไว้ให้ทั้งห้องครัวเครื่องครัวเครื่องปรุง และวัตถุดิบ ไม่ว่าเนื้อหมูปลา ผัก ผลไม้ ทว่าก็ต้องผ่านขั้นตอนสำคัญคือการพูดคุยกันก่อน เช่น แพ้อาหารอะไร ชอบกินอะไร กินเผ็ดได้มากน้อยแค่ไหน จะได้ปรับเมนูอาหารที่สอนให้เหมาะสมกับรสนิยมผู้เรียนมากที่สุด เพราะคุณเล้งมีแนวคิดว่า การทำอาหารและกินร่วมกันเป็นมากกว่าเรื่องอิ่มท้อง แต่คือการแบ่งปัประสบการณ์ และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

ในแต่ละวันจะเปิดชั้นเรียน 2 รอบคือ รอบเช้าตั้งแต่ 10.00-14.00 น. และรอบบ่าย 15.00-19.00 น. รับผู้เรียน ไม่เกิน 4 คนต่อรอบ จะมาเป็นกลุ่มหรือต่างคนต่างมาก็ได้ แต่ละคนจะได้ทำอาหาร 4 อย่างโดยคุณเล้งให้คำแนะนำใกล้ชิดทีละขั้นตอน จานแรกเป็นอาหารอร่อยทานง่าย เช่น ผัดไทย จานที่สองเป็นประเภทผัดหรือทอด เช่น ไก่ผัดเม็ดมะม่วง ผัดผัก ปลาทอดขมิ้น ส่วนอย่างที่สามเป็นประเภทแกง ทั้งต้มข่า มัสมั่น แกงพะแนง แกงเขียวหวาน ผู้เรียนจะได้รู้จักเครื่องเทศและส่วนผสมอันหลากหลายของแกงไทย ไม่ว่าพริก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกไทย ขมิ้น กระวาน ฯลฯ โดยต้องแสดงฝีมือตำเครื่องแกงในครกด้วยตนเอง และปิดท้ายด้วยการทำขนมหวาน เช่น กล้วยบวชชี ขนมต้ม ข้าวเหนียวมะม่วง สังขยาฟักทอง เป็นต้น

บรรยากาศระหว่างชั้นเรียนนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นอาหารและกลิ่นแกงหอมฉุย ยั่วนำลาย เมื่อทำอาหารเสร็จแล้วก็น่าจะหิวพอดี เป็นเวลาที่แต่ละคนลำเลียงอาหารของตนไปจัดวางที่โต๊ะกลาง แล้วนั่งล้อมวงกินอย่างเอร็ดอร่อยคลอเคล้าเสียงคลื่นกระทบฝั่ง

ใครสนใจเรียนทำอาหารไทย กับ Smile Ko Mak Thai Cooking School ติดต่อได้ที่คุณเล้ง โทร. 08 1901 9972 หรือเข้าไปดูที่เว็บไซต์www.smilekohmak.com

Work Shop ผ้ามัดย้อม

ทำกิจกรรมเบาๆ การทำผ้ามัดย้อม ด้วยคราม หรือดินบนเกาะ โดยเจ้าของร้านผู้หลงใหลชีวิตชาวเกาะหมาก นอกจากสนุกแล้วยังได้ของฝากที่ทำด้วยฝีมือตัวเองกัลไปติดไม้ติดมือเป็นที่ระลึกอีกด้วย

หลังจากทำกิจกรรมเสร็จแล้วก็แวะซื้อน้ำเย็นๆเพราะเกาะหมากนี้ตอนกลางวันมันร้อนมาก ที่สำคัญคนเกาะหมากก็ยังสามารถนำพลังแสงแสงอาทิตย์นี้มาใช้ในกิจการของตัวเองได้ เราจะพาไปดูกันที่ Joe’s Corner Kohmak ซึ่งเป็นร้านค้าและที่พักที่สุดเก๋แถมยังนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้นั้นเองครับ เหมาะกับโครงการของเรามาก

กิจกรรมเล่นเรือใบ

อีกหนึ่งกิจกรรม Outdoor ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการทดลองเล่นเรือใบ และพายคายัค สำหรับใครที่ไม่เคยเล่นก็จะมีคนคอยดูแลตามติดกันตลอดเลยทีเดียว

TableTales Restaurant

อีกหนึ่งร้านอาหารที่เสิร์ฟด้วยเมนู Low Carbon และวัตถุดิบจากภายในเกาะหมากเป็นหลัก พร้อมบรรยากาศสุดชิลในสวน

วิถีเกษตรกรรม

อาชีพปลูกมะพร้าว เป็นอาชีพดั้งเดิมของชาวเกาะหมาก แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลง การท่องเที่ยวเปลี่ยนเป็นอาชีพหลัก แต่ด้วยความเข้มแข็งของชาวเกาะหมาก ส่งผลให้สวนมะพร้าวบนเกาะยังมีอยู่มาก และเปลี่ยนเป็นอาชีพรอง ที่ยังสร้างรายได้ให้ชุมชนอยู่อย่างต่อเนื่อง

และพืชอีกชนิดที่เข้ามาแพร่หลายในพื้นที่ คือการทำสวนยาง แม้ในปัจจุบันราคายางจะย่ำแย่ลง แต่ด้วยอาชีพทำสวนยางไม่ได้เป็นอาชีพหลัก จึงทำให้เกษตรกรบนเกาะทำสวนยางเป็นงานอดิเรกก็ว่าได้

หลังจากทำกิจกรรมมาเหนื่อยๆกันแล้วก็มาพักกินน้ำ ดูวิวสวยๆกันที่ HEAD IN THE CLOUDS บาร์ติดริมทะเลสุดสวยบรรยากาศดีๆ ที่มีเครื่องดื่มไว้รอรับให้หายเหนื่อยแล้วที่นี้ยังมีที่พักอย่างMakathanee Resort koh Mak สุดชิลไว้ให้พักอีกด้วย

จากกิจกรรมทั้งหมดที่เที่ยวติดดินได้พาเพื่อนๆไปเที่ยวไปชิมไปชมไปเล่นกันทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นกิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตรงตาม 7 Greens ที่เราได้วางกันเอาไว้ และนี้ก็เป็นทริป3วัน2คืน บนเกาะหมาก ที่น่าสนใจและเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มที่คิดอยากจะมาเที่ยวเกาะหมากแห่งนี้ การท่องเที่ยวแล้วเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนก็จะเป็นการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน แล้วพบกันทริปต่อไปกันครับบ

ขอขอบคุณรายการสมุครโคจร ที่นำพาเรื่องราวและกิจกรรมดีๆในครั้งนี้