ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงหน้าฝนใครว่าจะเที่ยวภาคใต้ไม่ได้ ถ้าเราเช็คสภาพอากาศให้ดีๆ วางแผนการเดินทางให้รอบคอบ เตรียมความพร้อมให้ดี เสื้อกันฝน ร่ม ก็จะทำให้การเที่ยวภาคใต้ช่วงหน้าฝนไม่เป็นปัญหาสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ สำหรับทริปนี้เราจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวเมืองหาดใหญ่ และสตูลกัน ว่าจะมีอะไรเก๋ๆน่าสนใจกันบ้าง เรามาเริ่มกันที่ตัวเมืองสงขลากันเลยดีกว่าครับ ว่าในเมืองแห่งนี้จะมีความเก๋กู้ดน่าเดินและมีอะไรน่าสนใจกันบ้างครับ
“ย่านเมืองเก่าสงขลา คือย่านเก่าแก่ดั้งเดิมของจังหวัดสงขลาค เป็นอีกย่านท่องเที่ยวที่น่าไปสัมผัส มีจุดถ่ายรูปชิก ๆ กับสตรีทอาร์ตซึ่งเป็นศิลปะบนฝาผนังที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ บริเวณเมืองเก่ามีถนนสายสำคัญที่ให้เดินเที่ยว 3 สายด้วยกัน คือ ถนนนครนอก ถนนนครใน และถนนนางงาม เป็นถนนสายสั้นที่เชื่อมถึงกัน ริมสองฝั่งทางเป็นบรรยากาศเก่า ๆ ของอาคารบ้านเรือนที่เป็นแนวชิโนโปรตุกรีส คล้ายๆกับปีนัง และนอกจากนั้นก็ยังมีของกินเด็ด ๆ กับร้านอาหารเก่าแก่มากมาย สามารถเดินเที่ยวชมกันได้ชิลล์ ๆ แต่สำหรับคนที่ไม่อยากเดินที่นี้มีบริการรถรางชมเมือง ที่สำคัญ…ให้บริการฟรี ซึ่งเป็นรถรางที่ทางเทศบาลนครสงขลา จัดขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ songkhlacity.go.th
โรงสีแดง “หับ โห้ หิ้น”
จุดเช็กอินอีกหนึ่งที่ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด โรงสีข้าวแห่งนี้มีอายุเก่าแก่ร่วม 100 ปี พูดง่าย ๆ ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งบทบันทึกประวัติศาสตร์ของเมืองสงขลาที่ควรค่าแก่การมาเยือนนอกจากอาคารหลังใหญ่สีแดงโดดเด่นแล้ว ในอดีตสถานที่แห่งนี้ได้เคยเปิดกิจการโรงสีขาวที่ทันสมัยที่สุดแห่งยุคนั้น แต่เมื่อกิจการล้มเลิกไป ปัจจุบันกลายเป็นที่ตั้งของสำนักงานภาคีคนรักเมืองสงขลาสมาคม กลุ่มกำลังสำคัญที่อยู่เบื้องหลัง การปลุกกระแสการท่องเที่ยวสงขลาให้กลับมาคึกคักอีกครั้งนั่นเอง
บ้านนครใน
ขยับเข้ามาบนถนนนครใน เราจะมองเห็นชุดอาคารเรือนหลังหนึ่งที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์จีน และบ้านตึกสีขาวแบบชิโนยูโรเปี้ยน นั่นคือ “บ้านนครใน” ภายในเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าเยี่ยมชมของเก่าสะสม ที่ยังคงอัตลักษณ์ของความเป็นสงขลา บรรยากาศจึงเหมือนกับเรากำลังเดินเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์อยู่กลาย ๆ ทั้งหมดล้วนเกิดจากความตั้งใจของคุณกระจ่าง จารุพฤกษ์พันธ์ ผู้หลงใหลของเก่า ที่ต้องการปลุกกระแสเมืองเก่าสงขลาให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ภายในประกอบด้วยของเก่าเก็บสะสมที่ทรงคุณค่า เช่น ถ้วยชามจีน เตียงเก่าคหบดี และตู้โบราณ เป็นต้น
พิพิธภัณฑ์พธำมะรงค์ หรือ บ้านของตระกูลติณสูลานนท์
นับเป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินที่สำคัญอีกหนึ่งจุด เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์ เดิมเป็นที่ตั้งบ้านพักของรองอำมาตย์โท ขุนวินิจทัณฑกรรม (บึ้ง ติณสูลานนท์) บิดาของ ฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ งดงามด้วยลักษณะแบบบ้านเรือนไทย สร้างขึ้นเพื่อจำลองสถานที่เกิดของ ฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์พิพิธภัณฑ์พธำมะรงค์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30-16.00 น. (หยุดวันจันทร์และวันนักขัตฤกษ์)
เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสุดฮิตของจังหวัดสงขลา หนึ่งในนั้นที่ต้องไปถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกนั่นคือ นางเงือก ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของจังหวัดสงขลา ตั้งอยู่บริเวณแหลมสมิหลา จุดนี้จะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศเป็นอย่างมาก ที่แวะเวียนกันมาถ่ายรูปกับนางเงือก นอกจากนี้ยังสามารถมานั่งรับลมชมวิวทะเลสงขลาได้อย่างเพลิดเพลินอีกด้วย
หลังจากนั่งรถรางชมความสวยงามของเมืองสงขลากันอย่างแล้วเราก็มาพักกินกาแฟเติมพลังกันกับร้าน นครในใจ เนื่องจากร้านตั้งอยู่บนถนนชื่อ “ นครใน” เราเลยตั้งชื่อว่า “ร้านนครในใจ” เพราะผลิตภัณฑ์ที่เราคัดสรรเลือกมาจากแต่ละเมืองมีความโดดเด่นแตกต่างกัน และแต่ละคนก็จะมีเมืองที่ตัวเองชื่นชอบต่างกัน เลยเป็นที่มาของชื่อร้าน
ถ้ำเลสเตโกดอน
ถ้ำเลที่มีความยาวที่สุดในประเทศไทย เพราะมีความยาวกว่า 4 กิโลเมตร ส่วนคำว่า “สเตโกดอน” คือชื่อของช้างดึกดำบรรพ์ เนื่องจากมีการพบฟอสซิลของช้างสเตโกดอนในถ้ำแห่งนี้และพบหินรูปร่างแปลกตา จึงนำมาซึ่งการสำรวจถ้ำและค้นพบซากฟอสซิลอีกมากมายภายในถ้ำนี้ และตามผนังถ้ำเราก็ยังพอเห็นฟอสซิลของสาหร่ายทะเลอีกด้วย
การเดินทางไปเที่ยวถ้ำด้านหน่าจะพบกับสะพานแขวน และทางลงสู่ปากทางเข้าถ้ำเลสเตโกดอน นักท่องเที่ยวสามารถโดยสารเรือแคนูเป็นพาหนะพาเข้าไปชมทั้งความงามและความมหัศจรรย์ของถ้ำนี้
ภายในถ้ำเล สเตโกดอนนั้น นอกจากความสวยงามของหินต่างๆ ภายในถ้ำแล้ว ที่นี่ยังมีน่าสนใจอย่างเช่นฟอสซิลของซากพืช ซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่มีอายุโดยเฉลี่ยถึง 500 ล้านปีที่ยังหลงเหลืออยู่อีกด้วย เหมาะสำหรับคนรักการท่องเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์และรักธรรมชาติอย่างยิ่ง
ที่ตั้ง : หมู่ 7 หมู่บ้านคีรีวง ตำบลทุ่งหว้า จังหวัดสตูล
เขตข้ามกาลเวลาเขาโต๊ะหงาย
เป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา แหล่งมีลักษณะเป็นผาชันติดทะเลทางด้านตะวันตก ด้านใต้ และด้านตะวันออก มีสะพานเดินเท้าจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตราเลียบไปตามชายฝั่งผาชันด้านตะวันออก แล้วโค้งไปทางตะวันตกผ่านเขตรอยต่อระหว่างหินปูนสีเทากับหินทรายสีแดง
แม้จะไม่มีหลักฐานจากซากดึกดำบรรพ์ แต่จากการเปรียบเทียบลำดับชั้นหินนั้นกล่าวได้ว่า หินปูนสีเทานั้นเป็นหินปูนกลุ่มหินทุ่งสูงยุคออร์โดวิเชียน ส่วนหินทรายสีแดงนั้นเป็นหินทรายกลุ่มหินตะรุเตายุคแคมเบรียน โดยระนาบสัมผัสระหว่างกลุ่มหินทั้งสองนั้นเป็นระนาบรอยเลื่อนที่มีการวางตัวเอียงเทไปทางทิศตะวันออก และจากการที่ชั้นหินทรายสีแดงมีการวางตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือด้วยมุมเอียงเท 22 องศาแล้วค่อยๆเพิ่มการเอียงเทมากขึ้น ๆ จนอยู่ในแนวตั้งฉากที่บริเวณด้านใต้ของระนาบรอยเลื่อนนั้น ทำให้กล่าวได้ว่าเป็นรอยเลื่อนปกติ และหากนักท่องเที่ยวเดินบนสะพานจากด้านหินปูนสีเทาข้ามระนาบรอยเลื่อนไปยังด้านหินทรายสีแดง ถือได้ว่ากำลังมีอายุมากขึ้นจากยุคออร์โดวิเชียนไปเป็นยุคแคมเบรียนโดยผ่านระนาบรอยเลื่อนที่ถือว่าเป็น “เขตข้ามกาลเวลาเขาโต๊ะหงาย”
สันหลังมังกร
หรือทะเลแหวกสันหลังมังกร คือคำเรียกขานเกาะแห่งหนึ่งของชาวชุมชนตันหยงโป จังหวัดสตูล ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์กลางทะเลอันดามัน
ในยามน้ำทะเลลดลงจะดูเหมือนกระแสน้ำหลีกทางให้สันทรายโผล่ขึ้นมาซึ่งเป็นสันทรายที่เต็มไปด้วยซากเปลือกหอยนับหลายล้านตัวทับถมกัน ทำให้เกิดเป็นเส้นทางคดเคี้ยวยาวกว่า 3 กิโลเมตรสามารถเชื่อมไปยังอีกเกาะหนึ่งได้ หรือเปรียบเสมือนกับมังกรฟ้าถลาลงเล่นน้ำทำให้นักท่องเที่ยวได้เดินบนสันหลังมังกรที่เคลื่อนไหวพลิ้วอย่างสวยงาม จึงเป็นที่มาของชื่อหาดแห่งนี้
ทะเลแหวกสันหลังมังกร เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมทัวร์ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเพราะเดินทางสะดวก โดยนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นเรือท่าเรือบ้านบากันเคย ตำบลตันหยงโปได้เลย และจะมีชาวบ้านชุมชนบากันเคยนำเรือหางยาวมาคอยให้บริการทุกวัน ใช้เวลาเดินทางเพียง 20 นาที
ที่ตั้ง : หมู่1 ตำบลตันหยงโป อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล
เกาะเขาใหญ่ ปราสาทหินพันยอด เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดสตูลที่เพิงสำรวจ และเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ท่านจะได้พบความงามของถ้ำ ที่อายุเก่าแก่กว่าล้านปีแต่ต้องดูเวลาที่น้ำลดก็จะสามารถลอดช่องหินเข้าไปชมความสวยงามของ “ปราสาทหินพันยอด”โดยต้องพายเรือคายักเข้าไป สิ่งอัศจรรย์สุดอันซีนที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นจากการกัดเซาะหินของน้ำฝน จนกลายเป็นแท่งหินแหลมรูปร่างสวยงามแปลกตาคล้ายกับบนปราสาทในเทพนิยาย ชาวบ้านจึงเรียกกันว่าปราสาทหินพันยอด อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ธรณีวิทยา มีการพบฟอสซิลอายุมากกว่า 480 ล้านปี