ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงหน้าฝนใครว่าจะเที่ยวภาคใต้ไม่ได้ ถ้าเราเช็คสภาพอากาศให้ดีๆ วางแผนการเดินทางให้รอบคอบ เตรียมความพร้อมให้ดี เสื้อกันฝน ร่ม ก็จะทำให้การเที่ยวภาคใต้ช่วงหน้าฝนไม่เป็นปัญหาสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ สำหรับทริปนี้เราจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวเมืองหาดใหญ่ และสตูลกัน ว่าจะมีอะไรเก๋ๆน่าสนใจกันบ้าง เรามาเริ่มกันที่ตัวเมืองสงขลากันเลยดีกว่าครับ ว่าในเมืองแห่งนี้จะมีความเก๋กู้ดน่าเดินและมีอะไรน่าสนใจกันบ้างครับ

“ย่านเมืองเก่าสงขลา คือย่านเก่าแก่ดั้งเดิมของจังหวัดสงขลาค เป็นอีกย่านท่องเที่ยวที่น่าไปสัมผัส มีจุดถ่ายรูปชิก ๆ กับสตรีทอาร์ตซึ่งเป็นศิลปะบนฝาผนังที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ บริเวณเมืองเก่ามีถนนสายสำคัญที่ให้เดินเที่ยว 3 สายด้วยกัน คือ ถนนนครนอก ถนนนครใน และถนนนางงาม เป็นถนนสายสั้นที่เชื่อมถึงกัน ริมสองฝั่งทางเป็นบรรยากาศเก่า ๆ ของอาคารบ้านเรือนที่เป็นแนวชิโนโปรตุกรีส คล้ายๆกับปีนัง และนอกจากนั้นก็ยังมีของกินเด็ด ๆ กับร้านอาหารเก่าแก่มากมาย สามารถเดินเที่ยวชมกันได้ชิลล์ ๆ แต่สำหรับคนที่ไม่อยากเดินที่นี้มีบริการรถรางชมเมือง ที่สำคัญ…ให้บริการฟรี ซึ่งเป็นรถรางที่ทางเทศบาลนครสงขลา จัดขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ songkhlacity.go.th

โรงสีแดง “หับ โห้ หิ้น”

จุดเช็กอินอีกหนึ่งที่ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด โรงสีข้าวแห่งนี้มีอายุเก่าแก่ร่วม 100 ปี พูดง่าย ๆ ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งบทบันทึกประวัติศาสตร์ของเมืองสงขลาที่ควรค่าแก่การมาเยือนนอกจากอาคารหลังใหญ่สีแดงโดดเด่นแล้ว ในอดีตสถานที่แห่งนี้ได้เคยเปิดกิจการโรงสีขาวที่ทันสมัยที่สุดแห่งยุคนั้น แต่เมื่อกิจการล้มเลิกไป ปัจจุบันกลายเป็นที่ตั้งของสำนักงานภาคีคนรักเมืองสงขลาสมาคม กลุ่มกำลังสำคัญที่อยู่เบื้องหลัง การปลุกกระแสการท่องเที่ยวสงขลาให้กลับมาคึกคักอีกครั้งนั่นเอง

บ้านนครใน

ขยับเข้ามาบนถนนนครใน เราจะมองเห็นชุดอาคารเรือนหลังหนึ่งที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์จีน และบ้านตึกสีขาวแบบชิโนยูโรเปี้ยน นั่นคือ “บ้านนครใน” ภายในเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าเยี่ยมชมของเก่าสะสม ที่ยังคงอัตลักษณ์ของความเป็นสงขลา บรรยากาศจึงเหมือนกับเรากำลังเดินเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์อยู่กลาย ๆ ทั้งหมดล้วนเกิดจากความตั้งใจของคุณกระจ่าง จารุพฤกษ์พันธ์ ผู้หลงใหลของเก่า ที่ต้องการปลุกกระแสเมืองเก่าสงขลาให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ภายในประกอบด้วยของเก่าเก็บสะสมที่ทรงคุณค่า เช่น ถ้วยชามจีน เตียงเก่าคหบดี และตู้โบราณ เป็นต้น

พิพิธภัณฑ์พธำมะรงค์ หรือ บ้านของตระกูลติณสูลานนท์

นับเป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินที่สำคัญอีกหนึ่งจุด เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์ เดิมเป็นที่ตั้งบ้านพักของรองอำมาตย์โท ขุนวินิจทัณฑกรรม (บึ้ง ติณสูลานนท์) บิดาของ ฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ งดงามด้วยลักษณะแบบบ้านเรือนไทย สร้างขึ้นเพื่อจำลองสถานที่เกิดของ ฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์พิพิธภัณฑ์พธำมะรงค์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30-16.00 น. (หยุดวันจันทร์และวันนักขัตฤกษ์)

เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสุดฮิตของจังหวัดสงขลา หนึ่งในนั้นที่ต้องไปถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกนั่นคือ นางเงือก ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของจังหวัดสงขลา ตั้งอยู่บริเวณแหลมสมิหลา จุดนี้จะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศเป็นอย่างมาก ที่แวะเวียนกันมาถ่ายรูปกับนางเงือก นอกจากนี้ยังสามารถมานั่งรับลมชมวิวทะเลสงขลาได้อย่างเพลิดเพลินอีกด้วย

หลังจากนั่งรถรางชมความสวยงามของเมืองสงขลากันอย่างแล้วเราก็มาพักกินกาแฟเติมพลังกันกับร้าน นครในใจ เนื่องจากร้านตั้งอยู่บนถนนชื่อ “ นครใน” เราเลยตั้งชื่อว่า “ร้านนครในใจ” เพราะผลิตภัณฑ์ที่เราคัดสรรเลือกมาจากแต่ละเมืองมีความโดดเด่นแตกต่างกัน และแต่ละคนก็จะมีเมืองที่ตัวเองชื่นชอบต่างกัน เลยเป็นที่มาของชื่อร้าน

ส่วนแนวคิดของร้านนั้น เกิดมาจากร้านเราตั้งอยู่บริเวณเมืองเก่าที่มีความประวัติการตั้งรกรากของ
ชาวจีนฮกเกี้ยนมาเกือบ 300 ปี แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานหลากหลายวัฒนธรรม ทั้งไทย จีน และมาลายู เข้าด้วยกัน จึงทำให้เรามีแนวคิดในการผสมผสาน 2 วัฒนธรรม คือ จีน สื่อถึงการตกแต่งร้านและบริการในผลิตภัณฑ์ ส่วนวัฒนธรรม ยุโรป สื่อถึงความเชี่ยวชาญด้านกาแฟที่มีมายาวนาน
สำหรับร้าน “นครในใจ โดย ศศธรคอฟฟี่” (Nakorn Nai Jai by Sasatorn Coffee) ต้องการนำเสนอถึงความเชี่ยวชาญด้านกาแฟ (Speciality Coffee) ที่เรามีความชำนาญตั้งแต่ต้นทางจากไร่กาแฟ จนถึง บาริสต้า ที่เราฝึกสอนจนมีความเชี่ยวชาญเพื่อทำสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้า https://www.facebook.com/NakornNaijaiSongkhla/
สำหรับใครที่อยากจัดหนักๆเลยก็มีให้เลือกหลากหลายแต่มาสงขลาทั้งทีอย่างพลาดที่จะลองกินไก่ทอดเทพาบลูนาเล คำว่า “บลู” มาจากสีของ ม.อ.หาดใหญ่ (พี่เซฟคือศิษย์เก่าที่อยากเชิดชูสถาบันอันศักดิ์สิทธิ์) ส่วนคำว่า”นา เล” มาจากคำว่า เขา นา เล คือความอุดมสมบูรณ์ของเทือกเขาและทะเล รวม ๆ แล้วมีเสน่ห์ กลายเป็น “ไก่ทอดเทพา : บลูนาเล”
เอกลักษณ์ของ “ไก่ทอดเทพา” ไม่มีหนัง หรือที่เรียกกันว่า ไก่ทอดถอดเสื้อ รสชาติ กรอบนอก นุ่มใน กินคู่กับแกงเขียวหวานรสเด็ด สูตรต้นตำรับของทางร้าน เพราะเครื่องแกงส่งตรงมาจาก จ.นครศรีธรรมราช กินคู่กับไก่ทอดชิ้นโต ๆ (รสชาติติดเค็มนิด ๆ) ยิ่งกินยิ่งหรอย พร้อมเสิร์ฟกับข้าวเหนียวและข้าวสวย ถ้าอยากลิ้มรสความอร่อยของไก่ทอดเทพาว่าแตกต่างจากไก่ทอดที่อื่นยังไง มาหาคำตอบกันได้ ที่ร้านไก่ทอดเทพา : บลูนาเล ถ.คลองเรียน 1 เปิดทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ เปิดตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น.
กินอิ่มกันแล้วเดินทางต่อเพื่อไปรอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าพร้อมมองวิวเมืองสงขลากันจากมุมสูง กันที่ “สวนสาธารณะ มีจุดที่น่าสนใจหลายที่เลย ไปกันที่จุดสักการะพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมกัน เจ้าแม่กวนอิมทำจากหยกสีขาวใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งจุดนี้ก็สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์เมืองหาดใหญ่ได้ด้วย ขับรถวนไปจะมีที่ประดิษฐานพระพุทธมงคลมหาราช ทั้งคนพื้นที่และนักท่องเที่ยวนิยมขึ้นมากราบสักการะบูชา ขอพรที่นี่ ใครจะทำบุญ ปล่อยนก ก็ตามอัธยาศัยเลย ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีจุดชมวิว ที่สามารถมองเห็นตัวเมืองหาดใหญ่ เป็นวิวพาโนรามาที่สุดยอดจริง ๆ ยิ่งถ้าไปช่วงเย็นรับรองว่าสวยมากๆ มีกระเช้าลอยฟ้า Cable Car และเรือปั่นรอคอยบริการทุกคนอยู่ ปั่นไป ให้อาหารปลาไป อิ่มบุญอิ่มใจแน่นอน”
หลังจากอิ่มเอิมกับวิวหลักล้านกันแล้วก็ได้เวลาไปหาข้าวเย็นกินกันแล้วสำหรับมื้อนี้เราขอเสนอร้าน ปราณี ไทย คิวซีน เป็นร้านอาหารที่ได้รับเลือกให้เป็นร้านที่ดีที่สุดในสงขลาเมื่อปี2560 เป็นร้านที่สะอาดโปร่ง สบาย บรรยกาศดี รสชาติอาหารอร่อย มีเมนูหลากหลายให้เลือก ร้านอยู่ใกล้ โรงเรียนวิริยะเธียร เปิด 11.00-21.00 (หยุด พฤหัสฯ) โทรสอบถาม 074-892-689 หรือ 085-589-5425
หลังจากกินข้าวอิ่มแล้วจะพาไปลุยกินกันต่อกันที่ ร้านบัวลอยคุณอ้น ร.ศ.219(ต้นตำรับขนมบัวลอยไข่หวานทรงเครื่องเมืองเพชร) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นร้านขนมหวานตึกแถวห้องเดียว มีรถเข็นทำขนมหวานอยู่ด้านหน้าร้าน พิกัด: ถนนเส้นเดียวกับโรงเรียนแสงทองเลย ขับเลยโบถ์สมา ตรงข้ามกับสวนหย่อม อยู่ด้านซ้ายมือ ร้านนี้เน้นไปที่ขนมหวานพวกบัวลอย มีบัวลอยงาดำ บัวลอยกะทิ บัวลอยน้ำขิง บัวลอยนมสดใส่เครื่องแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไข่หวานแบบไข่ไก่หรือไข่นกกระทา ไข่เค็มก็มี เครื่องมีให้เลือกเยอะมากตั้งแต่พุทรา ลูกเดือย สาคู รากบัว มีอีกหลายอย่างเลือกใส่ได้หมด นอกจากบัวลอยแล้วยังมีเต้าทึงต่างๆ รวมถึงรังนก เต้าทึงเศรษฐี : เครื่องแน่นมาก ให้เยอะมาล้นชามเลย น้ำลำไยหวานหอมกำลังดี ชื่นใจ ถ้วยนี้ 40 บาทก็คุ้มกับราคา เครื่องเยอะจริง – เจ้าพระยาทรงเครื่องนมสด : มาเยอะมาเต็ม รากบัว ถั่วแดง สาคู ลูกเดือยมากันเต็มถ้วย นมสดหวานมันอร่อยเข้มข้น ร้านเปิดเวลา 17.00-22.00น. วันจันทร์-เสาร์(หยุดวันอาทิตย์)
กินอิ่มพร้อมกลับเข้าที่พักของเราในค่ำคืนนี้ที่ โรงแรมบุรี ศรีภู บูติก โฮเต็ล หาดใหญ่ มีห้องพักหลากหลายสไตล์ไว้บริการคุณ อาทิเช่น โอเรียนทอล สวีท (Oriental Suite Room) ห้องจูเนียร์ สวีท เตียงคิงไซส์ (Junior Suite King Bed) ห้องซูพีเรียโอเรียนเต็ลเตียงแฝด (Superior Oriental Twin Room ) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ตู้นิรภัย บริการซักรีด พื้นที่สูบบุหรี่ แม่บ้านทำความสะอาดรายวัน ห้องเก็บกระเป๋า กิจกรรม เช่น จุดบริการทัวร์ บริการตั๋ว สระว่ายน้ำ (กลางแจ้ง) สวน สวน นอกจากนี้ยังมีบริการ Wi-Fi ในพื้นที่สาธารณะ ฟรี Wi-Fi ทุกห้อง การรักษาความปลอดภัย (24 ชั่วโมง) ทางสำหรับรถเข็น นำสัตว์เลี้ยงเข้าพักได้ แผนกต้อนรับ (24 ชั่วโมง) ลิฟท์ บุรีศรีภู บูติก โฮเต็ล (Buri Sriphu Boutique Hotel) ตั้งอยู่ที่ 310 ถนนศรีภูวนารถ, ตลาดเมืองหาดใหญ่, http://buri-sriphu-boutique-hotel.h0tel.website/
ตื่นเช้าสำหรับวันใหม่อยากให้ลองตื่นเช้าๆมาสัมผัสกับบรรยากาศวิถีคนหาดใหญ่กันที่ “ตลาดกิมหยง ตลาดชื่อดังประจำเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ครึกครื้นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้ง ไทย จีน มาเลย์ สิงคโปร์ ที่มาจับจ่ายซื้อสินค้าของฝากติดมือกลับบ้าน ไม่เพียงแต่นักท่องเที่ยวเท่านั้นนะ คนท้องถิ่นเอง ก็มาซื้อของกันที่นี่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นของสด ของแห้งต่าง ๆ ของที่ขายผัดเปลี่ยนตามฤดูกาล ใครมาหาดใหญ่แล้วไม่มาช็อปปิงกิมหยงถือว่ามาไม่ถึงนะ ยิ่งเป็นตลาดยามเช้าก็จะมีของกินประจำท้องถิ่นแปลกๆให้เห็นมากมาย ไม่ควรพลาดจริงๆนะจ้า
มาถึงหาดใหญ่ถ้าไม่ได้กิน ติ่มซำ ก็เหมือนมาไม่ถึงหาดใหญ่กันเลยทีเดียว และร้านที่เราจะพาไปกินกันก็คงหนีไม่พ้นร้าน โชคดีแต่เตี๊ยม ออริจินัลเป็นร้านตื่มซำ หาดใหญ่ ร้านชื่อดัง ร้านนี้ติ่มซำเขาอุ่นให้ใหม่ทุกอันนะครับ ติ่มซำนี่นุ่มกลมกล่อมทุกอย่างครับ ที่ชอบมาก ๆ ก็เป็นซี่โครงหมูครับ ไม่เค็ม รสชาติดีมาก นอกจากนี้ยังมีขนมจีบ ฮะเก๋า ส่วนบะกุ๊ดเต๋เสิร์ฟเป็นหม้อร้อน ๆ มาเดือด ๆ เลย น้ำซุปเติมได้ไม่อั้น ได้ทั้งเห็ดทั้งผัก ส่วนหมูนี่ก็ละลายในปากเลย” แท้อร่อยแน่นอนที่หาดใหญ่ อาหารพื้นเมืองที่คนหาดใหญ่นิยมทานเป็นมื้อเช้า ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงต้องรีบมาแต่เช้าเพราะของจะหมดไว แต่เดี๋ยวนี้เค้าขยายห้องเป็นสองห้อง และมีอีกฝั่งตรงข้าม ที่นั่งเยอะขึ้น ติ่มซำเยอะขึ้น ไม่ต้องกลัวว่าของจะหมดถ้ามาสาย แฟนๆซาลาเปาต้องไม่พลาด เปาไส้ไหล เข่งนึงสองลูก ไส้ดีมาก เค็มมันไม่เลี่ยน
ตั้งอยู่ที่ 58/25 ซ.ละม้ายสงเคราะห์ 1 (ใกล้โรงแรมไดอิชิ) หาดใหญ่ , หาดใหญ่ , สงขลา เบอร์ติดต่อ 081-372-6181, 081-543-8060 เวลาเปิดบริการ ทุกวัน : 06:00 – 11:30 17:00 – 21:00
กินอิ่มแล้วพร้อมออกเดินทางไปสู่โลกดึกดำบรรพ์กันที่ พิพิธภัณฑ์ ช้างดึกดำบรรพ์ทุ่งหว้า ตั้งอยู่ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งหว้า เป็นอาคารชั้นเดียว มีขนาดพื้นที่จัดแสดง อยู่ติดกับที่ว่าการอำเภอทุ่งหว้า เปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ในเวลาราชการ เว้นวันหยุดราชการ โดยไม่เก็บค่าเข้าชม มีสถิติผู้เข้าเยี่ยมชมประมาณ 100,000 คนต่อปี โดยภายในห้องนิทรรศการประกอบด้วยการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับช้างไทย ประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต และศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นในจังหวัดสตูล และซากดึกดำบรรพ์ช้างที่พบใน ถ้ำเล สเตโกดอนและซากดึกดำบรรพ์อื่นๆ ซึ่ง UNESCO ได้ประกาศให้ อุทยานธรณีสตูล จังหวัดสตูล เป็นแหล่งอุทยานธรณีโลก ซึ่งได้เป็นอุทยานธรณโลกเป็นประเทศที่ 36 ของโลก เป็นแหล่งที่ 5 ของอาเซียน และเป็นแห่งแรกของประเทศไทยอีกด้วย

ถ้ำเลสเตโกดอน

ถ้ำเลที่มีความยาวที่สุดในประเทศไทย เพราะมีความยาวกว่า 4 กิโลเมตร ส่วนคำว่า “สเตโกดอน” คือชื่อของช้างดึกดำบรรพ์ เนื่องจากมีการพบฟอสซิลของช้างสเตโกดอนในถ้ำแห่งนี้และพบหินรูปร่างแปลกตา จึงนำมาซึ่งการสำรวจถ้ำและค้นพบซากฟอสซิลอีกมากมายภายในถ้ำนี้ และตามผนังถ้ำเราก็ยังพอเห็นฟอสซิลของสาหร่ายทะเลอีกด้วย

การเดินทางไปเที่ยวถ้ำด้านหน่าจะพบกับสะพานแขวน และทางลงสู่ปากทางเข้าถ้ำเลสเตโกดอน นักท่องเที่ยวสามารถโดยสารเรือแคนูเป็นพาหนะพาเข้าไปชมทั้งความงามและความมหัศจรรย์ของถ้ำนี้

ภายในถ้ำเล สเตโกดอนนั้น นอกจากความสวยงามของหินต่างๆ ภายในถ้ำแล้ว ที่นี่ยังมีน่าสนใจอย่างเช่นฟอสซิลของซากพืช ซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่มีอายุโดยเฉลี่ยถึง 500 ล้านปีที่ยังหลงเหลืออยู่อีกด้วย เหมาะสำหรับคนรักการท่องเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์และรักธรรมชาติอย่างยิ่ง

ที่ตั้ง : หมู่ 7 หมู่บ้านคีรีวง ตำบลทุ่งหว้า จังหวัดสตูล

 

เขตข้ามกาลเวลาเขาโต๊ะหงาย

เป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา แหล่งมีลักษณะเป็นผาชันติดทะเลทางด้านตะวันตก ด้านใต้ และด้านตะวันออก มีสะพานเดินเท้าจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตราเลียบไปตามชายฝั่งผาชันด้านตะวันออก แล้วโค้งไปทางตะวันตกผ่านเขตรอยต่อระหว่างหินปูนสีเทากับหินทรายสีแดง

แม้จะไม่มีหลักฐานจากซากดึกดำบรรพ์ แต่จากการเปรียบเทียบลำดับชั้นหินนั้นกล่าวได้ว่า หินปูนสีเทานั้นเป็นหินปูนกลุ่มหินทุ่งสูงยุคออร์โดวิเชียน ส่วนหินทรายสีแดงนั้นเป็นหินทรายกลุ่มหินตะรุเตายุคแคมเบรียน โดยระนาบสัมผัสระหว่างกลุ่มหินทั้งสองนั้นเป็นระนาบรอยเลื่อนที่มีการวางตัวเอียงเทไปทางทิศตะวันออก และจากการที่ชั้นหินทรายสีแดงมีการวางตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือด้วยมุมเอียงเท 22 องศาแล้วค่อยๆเพิ่มการเอียงเทมากขึ้น ๆ จนอยู่ในแนวตั้งฉากที่บริเวณด้านใต้ของระนาบรอยเลื่อนนั้น ทำให้กล่าวได้ว่าเป็นรอยเลื่อนปกติ และหากนักท่องเที่ยวเดินบนสะพานจากด้านหินปูนสีเทาข้ามระนาบรอยเลื่อนไปยังด้านหินทรายสีแดง ถือได้ว่ากำลังมีอายุมากขึ้นจากยุคออร์โดวิเชียนไปเป็นยุคแคมเบรียนโดยผ่านระนาบรอยเลื่อนที่ถือว่าเป็น “เขตข้ามกาลเวลาเขาโต๊ะหงาย”

สันหลังมังกร

หรือทะเลแหวกสันหลังมังกร คือคำเรียกขานเกาะแห่งหนึ่งของชาวชุมชนตันหยงโป จังหวัดสตูล ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์กลางทะเลอันดามัน

ในยามน้ำทะเลลดลงจะดูเหมือนกระแสน้ำหลีกทางให้สันทรายโผล่ขึ้นมาซึ่งเป็นสันทรายที่เต็มไปด้วยซากเปลือกหอยนับหลายล้านตัวทับถมกัน ทำให้เกิดเป็นเส้นทางคดเคี้ยวยาวกว่า 3 กิโลเมตรสามารถเชื่อมไปยังอีกเกาะหนึ่งได้ หรือเปรียบเสมือนกับมังกรฟ้าถลาลงเล่นน้ำทำให้นักท่องเที่ยวได้เดินบนสันหลังมังกรที่เคลื่อนไหวพลิ้วอย่างสวยงาม จึงเป็นที่มาของชื่อหาดแห่งนี้

ทะเลแหวกสันหลังมังกร เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมทัวร์ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเพราะเดินทางสะดวก โดยนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นเรือท่าเรือบ้านบากันเคย ตำบลตันหยงโปได้เลย และจะมีชาวบ้านชุมชนบากันเคยนำเรือหางยาวมาคอยให้บริการทุกวัน ใช้เวลาเดินทางเพียง 20 นาที

ที่ตั้ง : หมู่1 ตำบลตันหยงโป อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล

เกาะเขาใหญ่ ปราสาทหินพันยอด เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดสตูลที่เพิงสำรวจ และเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ท่านจะได้พบความงามของถ้ำ ที่อายุเก่าแก่กว่าล้านปีแต่ต้องดูเวลาที่น้ำลดก็จะสามารถลอดช่องหินเข้าไปชมความสวยงามของ “ปราสาทหินพันยอด”โดยต้องพายเรือคายักเข้าไป สิ่งอัศจรรย์สุดอันซีนที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นจากการกัดเซาะหินของน้ำฝน จนกลายเป็นแท่งหินแหลมรูปร่างสวยงามแปลกตาคล้ายกับบนปราสาทในเทพนิยาย ชาวบ้านจึงเรียกกันว่าปราสาทหินพันยอด อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ธรณีวิทยา มีการพบฟอสซิลอายุมากกว่า 480 ล้านปี