หลังจากพาไปเดินเที่ยวเทศกาลอาหารถิ่นบนดอยกันแล้ว ณ ห้างโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ แม่สอด ที่นี้ถึงเวลาที่เราจะออกไปลิ้ม ชิมรสชาติอาหารถิ่นบนดอยในเมืองแม่สอดกันบ้าง ก่อนที่จะพาไปกินเรามาทำความรู้จักแม่สอดกันสักนิด แม่สอดเป็นหนึ่งในอำเภอของจังหวัตตากซึ่งมีพื้นที่ติดกับประเทศพม่า ประชาชนส่วนหนึ่งที่มีมากในแม่สอดก็คือคนพม่า และกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ฉะนั้นเมื่อมาเยือนแม่สอดก็เราจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ มีอาชีพเพาะปลูกที่หลากหลาย ไม่ต้องพูดเยอะเจ็บคอมาเริ่มภาระกิจกินอาหารถิ่นบนดอยกันเลยดีกว่าครับบ
ร้านแรกที่เราจะพาไปชิมก็คือ ไก่ย่าง ชค.34 ร้านอาหารอีสานร้านดังในแม่สอดไม่มีใครไม่รู้จัก เปิดมากว่า34ปี เดิมที่มีแค่ไส้อั่ว และไก่ย่าง และมีอื่นๆอีกมากมาย ด้วยวีิถีการทำที่พิถีพิถันทำให้ไส้อั่วรสดังเดิมมีความอร่อยเข้มข้น ย่างด้วยเตาถ่านแบบโบราณ มาถึงรุ่น3 ไส้อั่วของร้านนี้มีบรรจุภัณฑ์ที่มีสามารถเก็บไว้ได้นาน ส่งออกไปยังต่างประเทศอีกด้วย ร้านอยู่ตรงข้ามกองร้อยตชด 346 สายเอเชีย ท่าสายลวด แม่สอด 055563111
หลังจากกินอิ่มกันแล้วจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวกันที่ คลัง9 หรือโกดัง9 แหล่งขายจักรยานญี่ปุ่นมือสอง ที่มีให้เลือกมากมายจนตาลาย ที่นี้เหมาะสำหรับคนที่จะเลือกซื้อจักรยานไปขายต่ออีกที ซึ่งภายในคลังก็จะมีร้านแยกออกมาเป็นหลายโกดังในเลือก ทั้งอะไหล่เก่าใหม่ จักรยานหลากหลายรูปแบบ ทั้งเล็กทั้งใหญ่ จะพับได้ มีให้เลือกกันตาลายไปเลย นอกจากจักรยานแล้วก็ยังมีสินค้ามือสองจากประเทศญี่ปุ่นให้เลือกซื้อกันได้
เดินดูจักรยานจนท้องเริ่มจะร้องอีกแล้ว ไปหาอาหารอร่อยๆกันกันต่อดีกว่าครับ ต่อไปเราขอแนะนำร้าน ช่อม่วง Cafe’ & Restaurant ถือว่าเป็นร้านที่ดูดีและน่านั่งเพราะมีห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวมีให้เลือกทั้งด้านนอกด้านในห้องแอร์เย็นๆ มีดนตรี นอกจากในส่วนของร้านอาหารแล้ว ร้านช่อม่วงก็ยังมีคาแฟ่อีกด้วย ซึ่งบรรยากาศร้านตกแต่งด้วยธีมสีม่วง ตามชื่อร้านเลย แบ่งเปิดโซนร้านอาหารสองช่วงเวลาคือ ช่วงกลางวัน 11.00 น. -14.00 น. และช่วงเย็น 17.00 น. – 23.00 น. โดยในช่วง 19.00 น. – 22.00 น. จะมีวงดนตรีโฟล์คซอง 3 วงมาคอยบรรเลงเพลงหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไป นอกจากนี้ทางร้านยังมีโซนร้านกาแฟ ที่เปิดตลอดวันตั้งแต่ 8.00น. – 21.00น. โทร 095 813 6120 เรียกว่าครบครันทุกอย่างในร้านเดียว
จากนี้เราเดินทางออกจากแม่สอดไปสู่อำเภอพบพระกันบ้าง จะพาไปชิมกาแฟที่ “ไร่เตรยาวรรณ”กับร้านกาแฟสุดสวยมากพื้นที่ กว่า30ล้าน เนรมิตพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและร้านกาแฟผสมผสานระหว่างไทยโบราณกับยุโรปตะวันตกย้อนยุค และนำอุปกรณ์ตกแต่งแบบโบราณ สิ่งของโบราณหายากที่นำมาตกแต่งร้านที่ตระการตามาก และได้ซื้อเครื่องปั่นกาแฟที่แพงที่สุดในประเทศ โดยเฉพาะราคาค่าเครื่องนับล้านบาท สำหรับของโบราณที่นำมาตกแต่งร้านนั้น ที่มาจากยุโรป เช่น โคมไฟตุรกี, ของโบราณอังกฤษและฝรั่งเศส ฯลฯ รวมทั้งของเก่าไทยโบราณ, เมียนมา และไทยใหญ่ ฯลฯ ที่หายาก รวมทั้งต้นไม้ 2 สี โดยร้านกาแฟแห่งนี้มีจุดชมวิวและภูมิทัศน์ในการถ่ายรูปมากมาย หลายมุม ที่มีภูมิทัศน์สวยงาม รวมทั้งมุมเมืองโบราณ เช่น เมืองเก่าไทย, เมืองเก่าฮอลแลนด์, ของหายาก อย่าง สมอเรือ, ปืนใหญ่, ระฆังโบราณ-อัญมณีโบราณ-ของเก่าแก่ ที่ไม่เคยพบที่ไหน เสมือนพิพิธภัณฑ์ สามารถติดต่อได้ที่ โทร 061 519 6111
ไร่ปฐมเพชร ไม่เพียงเป็นแหล่งปลูกพืชผักทางการเกษตรและแหล่งปลูกดอกดาวเรืองแหล่งใหญ่ของเมืองไทยเท่านั้น หากอำเภอพบพระยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกกุหลาบที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทยอีกด้วย โดยมีพื้นที่ปลูกกุหลาบประมาณ 7,000 ไร่ซึ่งนับว่ามากที่สุดในภาคเหนือ และมีสวนกุหลาบกระจายอยู่ทุกตำบล ด้วยสภาพภูมิอากาศเหมาะสม พื้นที่ไม่สูงชันมากนัก และสภาพดินอุดมไปด้วยแร่ธาตุอันสมบูรณ์ที่เอื้อต่อการปลูกกุหลาบ จึงมีผู้ริเริ่มนำกุหลาบเข้ามาปลูกในอำเภอพบพระตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 และได้ขยายพื้นที่ปลูกอย่างต่อเนื่อง โดยมีกุหลาบหลายสายพันธุ์ให้นักท่องเที่ยวเลือกชม แต่พันธุ์ไฮไลท์ต้องยกให้กุหลาบไร้หนาม และยังมีการทำกุหลาบแปรรูปด้วยการอบแห้งด้วยทรายซิลิก้า (กุหลาบอบแห้งในภาชนะแก้วใส) ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมของพื้นที่ และกุหลาบแดงแปรรูปดังกล่าวสามารถอยู่ได้นานนับ 10 ปี ในสภาพที่สวยงามและเหมือนดอกสด ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมไร่กุหลาบได้ตลอดทั้งปี และอีกสิ่งหนึ่งที่คุณห้ามพลาดนั้นก็คือ ทุเรียนน้ำแร่ เนื่องจากอำเภอพบพระนั้นเป็นแหล่งผลิตน้ำแร่นั้นเอง ไร่ปฐมเพชร ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 6 ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ
อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดหมายของอุทยานฯ นี้คือ การได้มาเที่ยวชมความงามของน้ำตกพาเจริญ ซึ่งเป็นน้ำตกหินปูนที่เกิดจากลำห้วยน้ำนัก มีความสูงมากถึง 97 ชั้น มีน้ำไหลตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่สวยงามมากที่สุดที่มีน้ำไหลผ่านชั้นหินปูนเป็นแผ่นกระจายไปทั่วคือฤดูฝนและฤดูหนาว ช่วงฤดูแล้งนั้นปริมาณน้ำจะน้อย การเดินทางไปชมน้ำตกค่อนข้างสะดวก เพราะตั้งอยู่ใกล้ที่ทำการอุทยานฯ และที่พิเศษสุดๆ คือ ในช่วงฝนนี้จะมี ดอกกระเจียวสีส้มบานสะพรั่ง กลายเป็น ทุ่งดอกกระเจียว หนึ่งเดียวในจังหวัดตาก จึงกลายเป็น ราชินีแห่งขุนเขาตะวันตก ทุ่งสีส้มที่สวยงามและมีเสน่ห์ บานสะพรั่งกลางฤดูฝน
การเดินทาง: จากตัวเมืองตากใช้ทางหลวงหมายเลข 105 เมื่อถึงอำเภอแม่สอดเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 190 จนถึงกิโลเมตรที่ 37 จะมีทางแยกเข้าไปยังที่ทำการอุทยานฯ ระยะทางประมาณ 700 เมตร
ช่วงเวลาท่องเที่ยว: สามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปีเพราะมีสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดปี แต่ช่วงที่น้ำตกสวยงามที่สุดคือ ปลายฤดูฝน-ฤดูหนาว
หลังจากนั้นเราจะพาเพื่อนๆไปชิมและดูวิธีการแปลรูปแมคคาเดเมียกันที่สวนป่าพงษ์คุ้มภัย ไม่น่าเชื่อว่าที่อ.พบพระจะเป็นแหล่งปลูกแมคคาเดมีย ส่งออกไปทั่วประเทศเลย ด้วยพื้นที่อุดมสมบูรณ์ของอำเภอพบพระ จึงได้ลองปลูกต้นแมคคาเดเมียและได้ผลดีจึงได้มีการขยายมากขึ้น เพราะสามารถออกดอกออกผลได้ถึง2รอบต่อปี
หลังจากนั้นเรามาเปลี่ยนบรรยากาศมาพักผ่อนยามบ่ายด้วยกาแฟและขนมอร่อยๆพร้อมวิวสวยๆบรรยากาศชิคๆบนเนินเขาใน อ.พบพระ ด้วยดีไซต์แบบโรงนาตะวันออกและสวนดอกไม้ต้นไม้ที่ปกคลุมโรงนาแห่งนี้จึงเป็นที่มาของร้าน ROCHA Cafe ด้วยตัวร้านที่เป็นเหมือนโรงนาทรงสูงมีที่นั่งเกร๋ๆ2ชั้น ทั้งด้านนอกด้านในและในสวน พร้อมวิวที่มองจากบนเนินเขาไปเห็นทุ่งนาด้านล่างในยามฝนพร่ำ ก็ทำให้สดชื่นไม่น้อย สำหรับเครื่องดื่มก็มีให้เลือกหลากหลาย พร้อมขนมเค้กอร่อยๆใหเลือกหลายแบบราคาไม่แพง แต่รับรองว่าวิวแพงกว่าเห็นๆ ที่สำคัญมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมากๆรับรองถูกใจสาวๆแน่นอน ร้านกาแฟโรชาเป็นร้านที่อยู่ระหว่างทางจากแม่สอดไปพบพระ ร้านไม่ได้อยู่ริมถนน แต่อยู่กลางไร่ เพราะฉะนั้นต้องเข้าซอยไปจากริมถนนอีก เข้าซอยตรงร้านพบพระเกษตรกรรม ก่อนถึงตลาดซอโอ โทรสอบถามเส้นทางได้ที่ 086 199 8644
อโรคยาศาลโป่งคำราม หรือ บ่อน้ำแร่โป่งคำราม ตั้งอยู่ที่บ้านน้ำดิบ เป็นออนเซ็นแห่งแม่กาษา ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง โดยใช้สายธารน้ำร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมาปรับปรุงเสริมแต่งเพื่อความเหมาะสม ใช้เป็นสถานที่บำบัดรักษาโรค สำหรับการแช่น้ำร้อน และพอกบ่อโคลนเพื่อสุขภาพ เพื่อช่วยผ่อนคลายและเพื่อการท่องเที่ยว เป็นบ่อน้ำแร่ที่มีคุณภาพที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ ที่มีความเชื่อว่าสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บ และอาการเมื่อยล้าต่างๆได้ ความพิเศษของการการแช่น้ำแร่ คือ เป็นการแช่ออนเซ็นในถังไม้โอ๊คแบบญี่ปุ่นมีก๊อกไม้ไผ่สูบน้ำแร่ร้อนมาจากแหล่งธรรมชาติใต้ดิน จัดเรียงรายไว้ให้นอนแช่น้ำแร่อย่างสบายตัว ท่ามกลางธรรมชาติ มีต้นไม้ร่มรื่น สะอาดสะอ้าน โดยแยกชาย-หญิงอย่างชัดเจน ที่สำคัญสถานที่แห่งนี้ ยังให้บริการฟรี โดยสามารถบริจาคเงินเพื่อบำรุงสถานที่แล้วแต่กำลังศรัทธา
อยู่ที่บ้านน้ำดิบ ต.แม่กาษา อ.แม่สอด จ.ตาก (จากอ.แม่สอด ใช้ถนน แม่สอด-แม่ระมาด เลี้ยวขวาสหกรณ์แม่กึ้ดสามท่า ตรงมาเรื่อยๆจนถึงแยกวัดบ้านแม่กาษา เลี้ยวซ้ายตรงมาเรื่อยๆเข้าหมู่บ้านน้ำดิบ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนตัดใหม่ข้างวัดบ้านน้ำดิบ ตรงไปอีกประมาณ 500 เมตร จะเจอทางเข้าโป่ง..ไม่ต้องกลัวหลง เพราะมีป้ายบอกเป็นระยะ)การเดินทางไม่ลำบาก สามารถนำรถยนต์ส่วนตัวไปได้ โดยจากปากทางเข้าประมาณ 10 กิโลเมตร “อโรคยาศาล โป่งคำราม”
หลังจากแช่น้ำแร่จนสบายตัวกันแล้วก็ได้เวลากลับเข้าเมืองไปหาของอร่อยๆกินกันต่อ ร้านต่อไปที่เราจะแนะนำก็เป็นอีกหนึ่งที่มาแม่สอดแล้วห้ามพลาดโดยประการทั้งปวง นั้นก็คือโรตีร้อยชั้น แต่เราจะกินหมดไหมตั้งร้อยชั้น จริงๆแล้วมันก็คือโรตีที่มีการพับตัวแป้งเข้าด้วยกันหลายๆทบจะครบ100ชั้น แล้วนำมาทอดปกตินั้นเอง ซึ่งร้านนี้เป็นร้านที่คนแม่สอดนิยมมาทาน ราคาไม่แพง นอกจากโรตีแล้วก็ยังมีชา กาแฟแบบท้องถิ่น โรตีก็มีให้เลือกหลากหลายแบบแล้วแต่ชอบกันเลยครับ ร้านตั้งอยู่ ถนน ศรีพานิช ตำบล แม่สอด อำเภอ แม่สอด จังหวัด ตาก 63110 เวลาเปิด: ทุกวัน 05:00 – 10:30หลังจากกินอิ่มเรียบร้อยแล้วก็พักผ่อนเตรียมลุยกันต่อพรุ่งนี้เช้า
วันนี้เราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปดูวิธีการทำขนม เส่งเผ่ ฮาละหว่า ที่เค้าเริ่มทำกันตั้งแต่ตี5 แต่ตื่นกันเช้าๆก็เริ่มหิวเป็นธรรมดา จะพาไปกินอาหารเช้าของคนแม่สอดกันก่อน นั้นก็คือโรตีโอ่ง อย่าพึ่งเบื่อโรตีกันนะครับ ถือซะว่ากินกันอีกรอบแต่รอบเช้านี้จะไม่เหมือนเมื่อตอนกลางคืน เพราะโรตีจะทำให้สุกโดยแปะแผ่นโรตีไว้ด้านภายในโอ่งที่กำลังร้อนด้วยถ่าน โรตีก็จะมีความหอมนุ่ม กินกับแกงกระหรี่ใส่ถั่ว หรือจะราดนมก็ได้ กินพร้อมชากาแฟยามเช้า เหมือนกับที่อินเดีย และทำสดใหม่วันต่อวันแป้งก็จะมีความนุ่ม “โรตีโอ่ง” ตั้งอยู่ที่ถนนศรีพานิช ตรงข้ามสำนักงานปศุสัตว์ เป็นร้านโรตีโอ่งเจ้าดังของแม่สอด ซึ่งเปิดขายมานานถึง 40 ปี
กินเสร็จแล้วเราก็ไปดูวิธีการทำขนม เส่งเผ่ ฮาละหว่า เป็นชื่อขนมพื้นเมืองไทยใหญ่ชนิดหนึ่งที่ทำมาจากแป้งข้าวเจ้าผสม กะทิและน้ำตาลอ้อย ถือเป็นขนมพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อของจังหวัดแม่ฮ่องสอน รสชาติคล้ายขนมหม้อแกง ผสมกับขนมถ้วยบ้านเราขายแบบ แบ่งหรือหั่นเป็นชิ้นๆ จากกะละมัง
เส่งเผ่ และฮาละหว่า “เส่งเผ่” มีลักษณะคล้ายขนมข้าวเหนียวแดง ที่ทำจากข้าวเหนียว น้ำอ้อย กะทิ ต่างกันตรงหน้าเส่งเผ่จะราดด้วยหัวกะทิแล้วปิ้ง หรือ อบหน้าจนเกรียม รสชาติหวานมัน ส่วน “ฮาละหว่า” ตัวขนมทำจากแป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย กะทิ เมล็ดสาคูเล็ก หน้าขนมทำเช่นเดียวกับเส่งเผ่ มีรสชาติหวานมัน แม่ค้าจะทำขนมนี้บรรจุในถาดกลม และตัดขายเป็นชิ้นเล็ก ๆ