จังหวัดอุบลราชธานี นับเป็นอีกหนึ่งจังหวัดในภาคอีสานที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายเหลือเกิน อีกทั้งยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วํฒนธรรม และประเพณีดั้งเดิมที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษตั้งแต่ยุคขอมโบราณ พอได้มาผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมไทยถิ่นอีสาน จึงเกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว วันนี้ เที่ยวติดดิน จะขอพาไปทัวร์เมืองอุบลฯ กันให้เต็มอิ่ม ส่วนจะเป็นที่ไหนบ้างตามมาโลด..

ขอเริ่มจากสักการะ ศาลหลักเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยกันก่อน

dsc09404 dsc09405 dsc09406 dsc09409 dsc09407 dsc09406

วัดสุปัฏนารามวรวิหาร สร้างขึ้นตั้งแต่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และถือได้ว่าเป็นวัดธรรมยุติกนิกายแห่งแรกของจังหวัดอุบลราชธานีเลยก็ว่าได้ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯพระราชทานนามว่า “วัดสุปัฎนาราม” อันหมายถึง วัดที่มีสถานที่ตั้งเหมาะสม เป็นท่าเรือที่ดี สิ่งที่สำคัญภายในวัดได้แก่ พระประธานในพระอุโบสถ นามว่า พระสัพพัญญูเจ้า , พระพุทธสิหิงค์ (จำลอง) , พระพุทธรูปประทานพร สมัยสุโขทัย 1 องค์ , พระพุทธรูปศิลา นาคปรกสมัยลพบุรี 3 องค์ , พระพุทธรูปประทานพร สมัยอยุธยา 1 องค์ , พระแก้วขาวเพชรน้ำค้างสมาธิ 1 องค์ , พระบรมสารีริกธาตุ และอรหันตธาตุ , รูปหล่อ (โลหะ) พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจันโท จันทร์ ศุภสร) , รูปหล่อ (โลหะ) สมเด็จพระมหาวีรวงค์ (ติสโส อ้วน แสนทวีสุข) , หอพิพิธภัณฑ์วรวัตถุโบราณต่าง ๆ , หอปริยัติธรรม อาคารเรียนตึกวิทยาคาร เป็นที่ตั้งยุวพุทธิกสมาคมและศูนย์พุทธเยาวชนเป็นศูนย์กลางการศึกษา ทั้งนักธรรม บาลีและสามัญศึกษา

dsc09416 dsc09418 dsc09438dsc09421 dsc09424 dsc09430 dsc09435 dsc09439dsc09444 dsc09443

วัดหนองป่าพง ถือกำเนิดมาจาก หลวงปู่ชา ที่บุกเบิกมาจากป่าทึบรกร้างที่ชุกชุมไปด้วยไข้ป่าและสัตว์ป่านานาชนิด รวมทั้งแรงศรัทธาของญาติโยมชาวบ้านก่อและบ้านกลาง จนกระทั่งเป็นวัดที่เป็นมีชื่อเสียงและสำคัญอีกหนึ่งแห่งของจังหวัดอุบลราชธานี วัดแห่งนี้นับเป็นเป็นสำนักปฏิบัติธรรมที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติ มุ่งหมายที่การประพฤติพรหมจรรย์ตามรอยพระยุคลบาทของพระโคตมพุทธเจ้าที่ทรงดำรงพระชนม์ชีพในป่า เพื่อค้นคว้าแสวงหาทางพ้นทุกข์ แล้วทรงนำความรู้แจ้งเห็นจริงนั้น มาเผยแผ่เกื้อกูลความสุขแก่มหาชนทั่วไป อีกทั้งยังมีความแตกต่างจากวัดอื่นคือ มีการกำหนดข้อกติกาสงฆ์ ซึ่งเลือกสรรมาจากธรรมและวินัยของพระโคตมพุทธเจ้า โดยมิได้เพิกถอนหรือบัญญัติสิ่งใดเพิ่มเติม เพียงแต่นำธรรมและวินัยมาประกอบกันขึ้นเป็นกฎกติกา เพื่อควบคุมความประพฤติของภิกษุสามเณร ไม่ให้ออกจากแนวทางของพระพุทธองค์

dsc09590 dsc09592 dsc09593dsc09595

ทุ่งดอกกระดุมเงินหนองหญ้าม้า นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ที่กำลังมาแรงในขณะนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งในช่วงหน้าหนาวของทุกปีพื้นที่ทุ่งโล่งที่อยู่ในความดูแลของ มทบ.22 แห่งนี้ ซึ่งปกติจะใช้เป็นที่ซ้อมยิงปืนใหญ่ของกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 6 ซึ่งจะทำการฝึกยิงปืนใหญ่ด้วยกระสุนจริง ในช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีจะกลายเป็น ทุ่งดอกกระดุมเงิน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า หญ้าหัวหงอก อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในพันธุ์ไม้พระราชทานจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นามว่า มณีเทวา จำนวนมากมายออกดอกผลิบานสวยงามให้สีขาวนวลสุดลูกหูลูกตา นับเป็นความงามของสิ่งเล็ก ๆ ที่ธรรมชาติรังสรรให้เกิดความสวยงามเกินคำบรรยาย

dsc09541 dsc09587 dsc09586 dsc09548 dsc09562dsc09564dsc09575 dsc09579 dsc09524 dsc09515 dsc09514 dsc09511 dsc09509

ภายใน อุทยานแห่งชาติผาแต้ม นั้นนอกจากจะมีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าแล้ว น้ำตกสร้อยสวรรค์ ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวในอุทยานฯ ที่คนนิยมไป ซึ่งน้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลจากหน้าผาสูงชันสองด้านประมาณ 20 เมตร ของลำห้วยสร้อยและลำแซไผ่ ตกลงมาบรรจบกันคล้ายกับสายสร้อยก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำโขง นอกจากนี้บริเวณน้ำตกยังมีต้นไม้และดอกไม้ป่า ที่มาช่วยเสริมบรรยากาศและความงามจนใครต่อใครที่ได้พบเจอเป็นต้องประทับใจไม่แพ้กับทุ่งกระดุมเงินเลยทีเดียว

dsc09980dsc00067dsc09977 dsc09982 dsc09988 dsc00006 dsc00013 dsc00015 dsc00016 dsc00018 dsc00023dsc00019 dsc00025 dsc00027 dsc00033 dsc00034 dsc00036 dsc00038 dsc00041 dsc00063dsc00535 dsc00542 dsc00531dsc00378dsc00395dsc00381 dsc00384dsc00448 dsc00464 dsc00439dsc00454 dsc00481 dsc00504 dsc00471 dsc00486 dsc00517 dsc00436

สำหรับคนที่ชื่นชอบการเดินชมป่าไม้และพรรณพืช ในอุทยานแห่งชาตผาแต้มยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติอย่าง ป่าดงนาทาม ซึ่งนอกจากพืชพรรณและดอกไม้ป่าแล้ว ยังมีน้ำตกขนาดเล็กและขนาดกลางอยู่หลายแห่ง โดยเฉพาะ ผาชนะได จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยอดนิยมซึ่งเป็นหน้าผาที่มีความสูงชันมาก สาเหตุที่คนส่วนใหญ่ต้องมาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่ก็เพราะว่า ที่แห่งนี้สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนจุดใดในประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดที่กรมอุตุนิยมวิทยาใช้อ้างอิงในการกำหนดเวลาพระอาทิตย์ขึ้นแห่งแรกของประเทศไทยอีกด้วย ส่วนใครชอบแสงทไวไลท์ยามเย็นรอตะวันลับขอบฟ้าก็ต้องไปชมที่ เสาเฉลียงคู่ จุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดใน จ.อุบลฯ ปรากฏการณ์ธรรมชาติของแท่งหินรูปร่างคล้ายกับดอกเห็นยักษ์ 2 แท่ง ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำ ลม และ แสงแดดมานานหลายร้อยปี นับเป็นความแปลกและอัศจรรย์ที่ดันสวยงามและเข้ากันได้ดีกับบรรยากาศยามพระอาทิตย์ตกดินเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อยามที่ตะวันลาลับไปแล้ว เรายังสามารถชมแสงดาวที่ระยิบระยับเต็มฟ้าด้วยการนอนเต็นท์ที่ป่าดงนาทามแห่งนี้ก็ได้เช่นกัน

dsc00072 dsc00077 dsc00094dsc00152 dsc00160 dsc00133dsc00164 dsc00121 dsc00209 dsc00221 dsc00233dsc00285 dsc00277 dsc00290 dsc00263 dsc00375 dsc00345dsc00328

วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือนิยมเรียกกันว่า วัดเรืองแสง นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สวยงามแปลกตา จนกลายเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวและช่างภาพ ที่ตั้งใจมาชมความงดงามของอุโบสถที่จะมี ต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง ในยามค่ำคืน ซึ่งที่แห่งนี้เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง โดยจำลองสภาพแวดล้อมของวัดป่าหิมพานต์หรือเขาไกรลาศ บริเวณบนยอดเขาจะมองเห็นพระอุโบสถสีปัดทองตั้งเด่นเป็นสง่า นอกจากงดงามอันแสนมหัศจรรย์ของพระอุโบสถแล้ว บริเวณด้านหลังพระอุโบสถยังเป็นจุดชมวิวลำน้ำโขงที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของฝั่งประเทศลาว และมองเห็นด่านสากลช่องเม็กอย่างสวยงาม รวมทั้งอ่างเก็บน้ำที่อยู่บริเวณเชิงเขาคล้ายกับทะเลสาปอีกด้วย

dsc00591 dsc00598 dsc00599 dsc00609 dsc00604 dsc00600 dsc00606

เขื่อนสิรินธร ก็เป็นอีก 1 สถานที่ท่องเที่ยวที่มีทัศนียภาพสวยงามไม่แพ้ที่ใด ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะนิยมชมทิวทัศน์ของอ่างเก็บน้ำเหนือสันเขื่อน และเดินชมความร่มรื่นของพันธุ์ไม้น้อยใหญ่ใน สวนสิรินธร ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวโรกาสที่ทรงมีพระชนมายุครบ 3 รอบ เมื่อปี พ.ศ.2533 ตั้งอยู่บริเวณฝั่งซ้ายของสันเขื่อนริมอ่างเก็บน้ำ ภายในสวนยังมีประติมากรรมรูปช้าง 3 เชือก ตีระนาด สีซอ และเป่าขลุ่ย ซึ่งเครื่องดนตรีทั้ง 3 ชนิดนี้เป็นเครื่องดนตรีที่สมเด็จพระเทพฯ ทรงโปรดปราน

dsc00584 dsc00567 dsc00581 dsc00578 dsc00570 dsc00569 dsc00571

แก่งสะพือ ก็นับเป็นแก่งที่สวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี เป็นแก่งที่อยู่ในแม่น้ำมูลเขตอำเภอพิบูลมังสาหาร ห่างจากตัวจังหวัดอุบลราชธานีไปประมาณ 45 กิโลเมตร แก่งสะพือ เป็นแก่งที่มีหินน้อยใหญ่สลับซับซ้อน เมื่อกระแสน้ำไหลผ่านกระทบหินแล้วเกิดเป็นฟองขาวมีเสียงดังตลอดเวลา ซึ่งที่แห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ สิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ ยังเคยเสด็จพระราชดำเนินมาชมความสวยงามของแก่งนี้ด้วยถึง 2 ครั้ง นอกจากนี้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี เทศบาลตำบลพิบูลมังสาหารยังได้จัดงานประเพณีสงกรานต์แก่งสะพือ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและประเพณีอันดีงามเอาไว้อีกด้วย

dsc09958 dsc09959 dsc09962 dsc09968 dsc09970

บ้านชีทวน อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีไฮไลท์ยอดนิยมอยู่ที่ ขัวน้อยบ้านชีทวน หรือก็คือสะพานข้ามทุ่งนา ที่เอาไว้ให้คนสัญจรไปมาระหว่างชุมชนบ้านหนองแคนกับบ้านชีทวน สะพานนี้แต่เดิมทีเป็นเพียงแค่คันดินเท่านั้น เมื่อถึงหน้าฝนก็ทำให้การสัญจรลำบากมากยิ่งขึ้น ชาวบ้านจึงได้นำเอาไม้จากเรือเก่า ๆ และไม้ที่เหลือจากการเผาศพมาทำเป็นสะพาน ช่วยให้เดินทางไปมาได้สะดวกขึ้น ภายหลังจึงได้จัดผ้าป่าสามัคคีสร้างขัวน้อยและกลายเป็นสะพานคอนกรีตยามข้ามผ่านทุ่งนาที่เขียวขจีอย่างเช่นในปัจจุบัน กับอีกหนึ่งกิจกรรมสำหรับใครที่ได้มีโอกาสมานอนพักที่ โฮมสเตย์บ้านชีทวน แห่งนี้ เช้า ๆ ยังจะได้ร่วมกันกับชาวบ้านทำบุญตักบาตรข้าวเหนียว ซึ่งชาวบ้านที่นี่จะนิยมใส่บาตรเฉพาะข้าวเหนียวเท่านั้น ส่วนอาหารคาวหวานจะใส่ปิ่นโตนำไปถวายที่วัดอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามาในช่วงงานประเพณีที่สำคัญ ก็ยังจะได้เห็นการแต่งกายแบบชาวอีสานโบราณอีกด้วย

dsc09920 dsc09891 dsc09853 dsc09858 dsc09878 dsc09936 dsc09933 dsc09942 dsc09634 dsc09629 dsc09620 dsc09625 dsc09623 dsc09649 dsc09650 dsc09646 dsc09641

อย่างที่เราได้เดินทางมาในวันนี้ก็ตรงกับอีกหนึ่งประเพณีวัฒนธรรมที่สำคัญและน่าสนใจ ควรค่าแก่การอนุรักษ์เป็นอย่างยิ่ง นั้นก็คือ งานเทศน์ปฐมสมโพธิแบบโบราณวัดศรีนวลแสงสว่างอารมณ์ บ้านชีทวน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นการเทศน์โดยใช้ใบลานที่จารึกเป็นอักษรธรรม และทำนองการเทศน์จะเป็นทำนองอีสาน บน ธรรมาสน์สิงห์เทินบุษบก ศิลปกรรมผสมผสานของช่างชาวไทยชีทวนและช่างชาวเวียดนาม ที่มีลายวิจิตรงดงามอ่อนโยน การอนุรักษ์ฟื้นฟูการเทศน์ในรูปแบบโบราณนี้จะเริ่มตั้งแต่ขบวนอัญเชิญองค์เทศน์ ที่ประกอบไปด้วยผู้เข้าร่วมขบวนมากมาย และถูกแบ่งออกเป็น 6 ขบวน ได้แก่ ขบวนฆ้อง , ขบวนเป่าหอยสังข์ , ขบวนตุง , ขบวนขันหมากเบ็ง ต้นเงินแบบโบราณ และ เสลี่ยงพระแบบโบราณ โดยจะทำการเดินขบวนจากวัดทุ่งศรีวิไล มายัง วัดศรีนวลแสงสว่างอารมณ์

dsc09688 dsc09685 dsc09699 dsc09673 dsc09703 dsc09705 dsc09701 dsc09733 dsc09741 dsc09762 dsc09714 dsc09708