หลงเสน่ห์แห่งภูมิปัญญา สัมผัสอัตลักษณ์ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เหนือสุดแดนอีสาน จังหวัดบึงกาฬ

ค้นเสน่ห์แห่งภูมิปัญญาสุดครีเอท เยือนถิ่นวิถีชุมชนท่องเที่ยวอันน่าหลงใหล ยลโฉมความงดงามของแหล่งท่องเที่ยวในเส้นทางแห่งธรรมชาติ เหนือสุดแดนอีสานจังหวัดบึงกาฬ สัมผัสเอกลักษณ์แห่งวิถีชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เรียนรู้วัฒนธรรมและประเพณีอันทรงคุณค่า ท่องเที่ยวบึงกาฬตามแนวคิดการพัฒนา OTOP รูปแบบใหม่ สัมผัสแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยง 8 อำเภอ ใน 2 เส้นทาง

สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดบึงกาฬ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย จัดกิจกรรมท่องเที่ยว Press Tour โดยนำคณะสื่อมวลชน ลงพื้นที่สัมผัสชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี จังหวัดบึงกาฬ เพื่อประชาสัมพันธ์เสน่ห์ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี พร้อมทั้งดึงดูดนักท่องเที่ยว กระตุ้นให้เกิดการเดินทางสู่ชุมชน อันนำไปสู่การกระจายรายได้ สร้างฐานรากเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้ “โครงการ สื่อสารสร้างการรับรู้ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี จังหวัดบึงกาฬ” โดยเสิร์ฟเส้นทาง Press Tour ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 8 อำเภอ ในจังหวัดบึงกาฬ จำนวน 2 เส้นทาง ประกอบไปด้วย เส้นทางที่ 1 อำเภอศรีวิไล อำเภอบุ่งคล้า อำเภอบึงกาฬ อำเภอปากคาด, เส้นทางที่ 2 อำเภอบึงโขงหลง อำเภอเซกา อำเภอพรเจริญ อำเภอโซ่พิสัย

กระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญและเน้นย้ำให้ กรมการพัฒนาชุมชน มุ่งดำเนินภารกิจในการตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ตามที่รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม แห่งชาติ และแผนการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ไปสู่การปฏิบัติโดยให้ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่มีคุณค่าเพื่อผลิตกำลังคน การสร้างพลังทางสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ และกระจายรายได้ให้แก่ประชาชนทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม เพื่อเป้าหมายในการพัฒนาไปสู่ประเทศไทย 4.0 โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงเป็นที่มาของโครงการชุมชน

ท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ซึ่งเป็นแนวคิดในการพัฒนา OTOP รูปแบบใหม่ มุ่งเน้นการสร้างรายได้จากความต้องการของชุมชน เพื่อเป้าหมายในการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคง และประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้โดยแท้จริง สอดคล้องกับนโยบายที่เน้นการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว เน้นการดึงนักท่องเที่ยวเข้าสู่ชุมชน ให้ชาวบ้านขายสินค้าในชุมชนของตน โดยการดึงเสน่ห์แห่งภูมิปัญญา วิถีชีวิต วัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์ มาแปลงเป็นรายได้ทำให้เกิดการกระจายรายได้ภายในชุมชน ช่วยส่งเสริมการสร้างชุมชนเข้มแข็ง ซึ่งจะส่งผลให้ลูกหลานไม่ต้องออกไปหารายได้จากภายนอก และจะก่อให้เกิดการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนตามนโยบายรัฐบาล

จังหวัดบึงกาฬ ได้รับมอบหมายจากกรมการพัฒนาชุมชนให้เป็นหน่วยดำเนินงานโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เปิดตัวชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี การสื่อสารสร้างการรับรู้ พร้อมทั้งนำสื่อมวลชนเยี่ยมชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นในชุมชน โดยวิธีการชูอัตลักษณ์ความงดงามของวิถีชุมชน เผยแพร่สู่สาธารณะชน ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยววิถีชุมชนที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึง

เรามาเริ่มกันที่ชุมชนแรกกันเลยกับมนต์เสน่ห์ท่องเที่ยววิถีชุมชน บ้านแสงเจริญ เป็นหมู่บ้านรักษาศีล 5 และหมู่บ้านคุณธรรม โดยกิจกรรมของหมู่บ้านที่น่าสนใจ เช่นการเลือกผลิตภัณฑ์ OTOP จากผีมือของคนในหมู่บ้าน การเยี่ยมชมศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราช ชมการแสดงของคนในหมู่บ้าน การสวดมนต์รับแสงแรกที่ภูทอก ให้ผู้ที่มาเยือนได้รับประสบการณ์น่าประทับใจท่ามกลางธรรมชาติ และวัฒนธรรมอันดีของชาวบ้านแสงเจริญ

เดิมชื่อว่าบ้านนาแสง มีประวัติยาวนาน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2360 หมู่บ้านไทยญ้อ นาแสง เดิมเป็นเมืองศรีโคตรบูรณ์ ยุคที่ลาวกับไทยเป็นผืนแผ่นดินเดียวกัน ปี พ.ศ. 2390 ชาวตะวันตกล่าเมืองขึ้นทำให้สองฝั่งแม่น้ำโขงถูกแบ่งแยกเป็นลาวกับไทยอย่างถาวร เมื่อมาชุมชนแห่งนี้เราจะได้พบกับการต้อนรับของชาวบ้านที่แต่งตัวมาอย่างน่ารักพร้อมการแสดงที่สวยงาม อีกทั้งยังมีพิธีบายศรีสู่ขวัญไว้รอต้อนรับนักท่องเที่ยวเพิ่มความเป็นสิริมงคลอีกด้วย นอกจากนี้แล้วยังมี ศูนย์วัฒนธรรมเแลิมราช วัดโพธิ์ชัยศรี ที่เป็นแหล่งรวบรวม จัดแสดง สิ่งของ เครื่องใช้ที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ในชุมชนมารวมไว้อีกด้วย

มาเที่ยวบ้านแสงเจริญ ติดไม้ติดมือกับของฝากที่ระลึก ทุกงานทำมือด้วยความประณีต เป็นสินค้า OTOP ไม่ว่าจะเป็น จักสานจากไม้ไผ่ ขนมกระหรี่ปั๊บ สานตะกร้าพลาสติก กลุ่มแหนมเห็ดสุขภาพ ถักโครเชต์นิตติ้ง ขนมถั่วตัด ข้าวแต๋นแปรรูปสมุนไพร แปรรูปกล้วย

อาหารพาแลง หรืออาหารเย็นของบ้านนี้ พร้อมเสิร์ฟไปด้วยเมนูหลากหลาย เช่น
-ซุปหัวปลี
-ก้อยเพกา / พล่าเพกา (หมากลิ้นไม้ หรือหมากลิ้นฟ้า)
-แกงเปรอะ
-ซุปหน่อไม้
-ไข่เจียวสมุนไพร
-ผลไม้ตามฤดูกาล

ติดต่อสอบถาม สั่งซื้อสินค้า OTOP หรือสำรองการเดินทางล่วงหน้า คุณสุนทร พันป้องซอด ผู้ใหญ่บ้านแสงเจริญ โทร. 065-497-8407

จากบ้านแสงเจริญมาเราจะพามาเที่ยวกันต่อที่ ภูทอก หรือ วัดเจติยาคีรีวิหาร เป็นที่ตั้งของภูทอก ซึ่งมี 2 ลูกคือ ภูทอกใหญ่ และภูทอกน้อย ที่พาท่านเดินวัดกำลังใจ ขึ้นสวรรค์ทั้ง7ชั้น ชมสะพานไม้แห่งศรัทธา ที่สร้างขึ้นจากการร่วมมือร่วมใจของ พระ สามเณร และชาวบ้าน ซึ่งจะต้องเดินเท้าผ่านสะพานไม้เหล่านี้ ทั้งสิ้น 7 ชั้น ในแต่ละชั้นจะมีความหมายต่างกัน และมีทัศนียภาพให้นักท่องเที่ยวได้ชมต่างกันไปอีกด้วย

ชั้นที่ ๑ เมื่อนักแสวงบุญเดินผ่านประตูสวรรค์เข้าไป จะได้สัมผัสกับต้นไม้ใบหญ้าหลากชนิดนานาพันธุ์
ชั้นที่ ๒ จะเห็นสถานีวิทยุชุมชนของวัดอยู่ด้านขวามือ
ชั้นที่ ๓ เป็นสะพานเวียนรอบเขา สภาพเป็นป่าเขามืดครึ้ม มีโขดหินลานหิน
ชั้นที่ ๔ เป็นสะพานลอยไต่เวียนรอบเขา มองไปเบื้องล่างจะเห็นเนินเขาเตี้ยๆ สลับกัน เรียกว่า “ดงชมพู”
ชั้นที่ ๕ มีศาลากลางและกุฏิที่อาศัยของพระ และเป็นที่เก็บศพของพระอาจารย์จวนไว้ด้วย ตามช่องทางเดินจะมีถ้ำอยู่หลายถ้ำ เช่น ถ้ำเหล็กไหล ถ้ำแก้ว ถ้ำฤาษี ฯลฯ
ชั้นที่ ๖ เป็นชั้นสุดท้ายของบันไดเวียนรอบเขา ปากทางเข้าเมืองพญานาคซึ่งอยู่หลังพระปางนาคปรก มีจุดให้สังเกตุคือมีรอยสีขาวขูดติดกับหินปูน ซึ่งชาวบ้านถือว่าเป็นรอยถลอกที่เกิดจากท้องพญานาค
ชั้นที่ ๗ ชั้นมหัศจรรย์ ที่ไม่มีสิ่งก่อสร้างใด ๆ มีเพียงป่ากับต้นไม้ มีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ มีความเชื่อว่า ต้นไม้บนดาดฟ้าชั้นที่เจ็ดเป็นวิมานของพวกเทวดา คนที่ไม่มีบุญหรือบุญไม่พอ จะไม่มีโอกาสได้มาถึงชั้นเจ็ด ถึงเดินมาก็มาไม่ถึง หรืออาจเดินหลงทางหรือหาทางขึ้นไม่เจอก็เคยมี

และเมื่อมาบึงกาฬพลาดไม่ได้เลยที่จะมาชมความสวยงาม ของความสวยงามของวิว360องศา ที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่ ภูสิงห์ จุดท่องเที่ยวสุดฟินที่ไม่ควรพลาดอย่าง “หินสามวาฬ” อายุราว 75 ล้านปี มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ติดหน้าผาสูง แยกตัวเป็น 3 ก้อน เมื่อมองจากระยะไกลหินสามก้อนนี้จะดูคล้ายกับฝูงครอบครัววาฬ ที่ประกอบด้วยพ่อวาฬ แม่วาฬ และลูกวาฬ นากจากนี้ ในพื้นที่ของภูสิงห์ยังเต็มไปด้วยกลุ่มของก้อนหินรูปทรงต่างๆ หน้าผา และถ้ำ กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ เกิดเป็นความสวยงามที่สะกดสายตาผู้มาเยือน

ยืนที่หินก้อนกลาง จะสามารถถ่ายภาพ หินวาฬก้อนใหญ่ได้สวยงาม
• ลักษณะหมือนวาฬตัวใหญ่มาก มีพื้นผิวที่มองจากรูปแล้วยิ่งคล้าย (ควรระมัดระวังในการยืน เพราะอาจลื่นพลาดตกลงมาได้)
• เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า
• ขับรถขึ้นไปได้แต่จอดรถบริเวณจุดชมวิวถ้ำฤาษี ซึ่งมีห้องน้ำและจุดกางเต็นท์บริการ การเดินทาง ขับรถมาจากตัวจังหวัดบึงกาฬประมาณ 24 กิโลเมตร ไปตามถนนเลียบแม่น้ำโขง (ถนนหลวงสาย 212) ทางจังหวัดนครพนม จะเจอทางเข้าภูสิงห์อยู่ทางขวามือ เลี้ยวรถขึ้นไป แล้วขับขึ้นไปประมาณ 6 กิโลเมตรก็จะเจอ จอดรถที่ลานกางเต็นท์ ถ้ำฤาษี จากนั้นเดินเท้าไปชมหินสามวาฬ (Tree Rock Whale) ประมาณ​200เมตร

ไปกันต่อกับมนต์เสน่ห์ริมสองฝั่งโขงไทย-ลาว ท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านบุ่งคล้า มาเยือนบึงกาฬ สุดขอบประเทศไทย ชวนมาสัมผัสวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำโขง สัมผัสวิถีอันผูกพันของชาวบุ่งคล้า ชาวบ้านบุ่งคล้าใช้ภาษาถิ่น ที่เรียกว่า ภาษาญ้อ สะท้อนถึงวัฒนธรรมของหมู่บ้าน ที่ยังคงอนุรักษ์ขนมธรรมเนียมจากอดีตมาจนปัจจุบัน กิจกรรมของชุมชนแห่งนี้มีความน่าสนใจตั้งแต่ พิธีบายศรีผูกเสี่ยว การแสดงของชุมชน การล่องเรือชมวิถีของบ้านบุ่งคล้าริมฝั่งโขง ซึ่งจะมีจุดผ่อนปรนเขื่อนงาม เป็นศูนย์กลางเชื่อมสัมพันธ์ชาวไทย-ลาว ซึ่งก็เป็นสถานที่แห่งหนึ่งในการพักผ่อนหย่อนใจ ชมภูมิทัศน์เขาภูงู ช่องลม หรือปากแม่น้ำกระดิ่ง หาดทรายขาว ป่าไม้เขียว และเสียงชะนีที่ร้องเรียกหาคู่ยามเช้าตรู่อย่างโหยหา ปลุกให้ชาวบ้านให้ออกไปหาปลา จุดผ่อนปรนแห่งนี้จะทำการเปิดไปมาหาสู่กันระหว่างชาวบุ่งคล้ากับชาวปากกะดิ่งในวันอังคารและวันศุกร์ สัปดาห์ละ 2 วัน ซึ่งเป็นจุดซื้อขายสินค้าที่มีกำลังในการชื้อขายมากพอสมควร ทำให้เศรษฐกิจของอำเภอบุ่งคล้าดีขึ้นมาก ท่านที่ประสงค์จะไปชมธรรมชาติของสะพานข้ามน้ำกระดิ่งซึ่งมองเห็นจากจุดผ่อนปรน ก็สามารถไปเที่ยวชมได้ด้วยการทำบัตรผ่านแดนชั่วคราวที่จุดผ่อนปรนโดยใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำหรับถ้าสนใจที่จะล่องเรือก็สามารถ ติดต่อได้ที่
บุญล่ำ ดอนโสม โทร. 087-955-3568
เพชรา ลาพากิจ โทร. 080-743-2061

ของดี OTOP บุ่งคล้า มีผลิตภัณฑ์จักสานจากกลุ่มฝึกอาชีพของหมู่บ้าน เช่น กลุ่มจักสานตระกร้าจากเชือกฟางยางพารา กลุ่มงามเนอะ กลุ่มดอกไม้ที่สร้างสรรค์ชิ้นงานอันน่าสนใจ รวมถึงผ้าทอลายสวยงาม

ติดต่อสอบถาม นายธนเดช แสงสว่าง ผู้ใหญ่บ้าน โทร. 063-359-6149

ไปกันต่อไม่รอแล้วนะ กับชุมชุนบ้านท่าไคร้ ชุมชนที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประเพณีท้องถิ่นเก่าแก่มากมาย ซึ่งยังคงมีการสืบสานให้คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ชาวบ้านท่าไคร้มีความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา โดยมีหลวงพ่อพระใหญ่ เป็นศูนย์รวมจิตใจ ที่วัดโพธาราม ซึ่งจะมี เรือกำปั่นโบราณเมื่อปี พ.ศ. 2559 มีการค้นพบซากเรือกำปั่นโบราณที่ริมโขงบ้านท่าไคร้ อำเภอเมืองบึงกาฬซึ่งซากเรือกำปั่นนี้ได้จมลงในแม่น้ำโขงตั้งแต่ปีพ.ศ.2490 มีข้อสันนิษฐานว่า เรือลำนี้เป็นของขุนอินทร์ ณีระสมิท ชาวนครพนม บรรทุกสินค้าใส่เรือเพื่อไปขายที่นครเวียงจันทร์ แต่เรือกลับมาล่มลงเสียก่อน สินค้าส่วนใหญ่ในเรือกำปั่น เป็นของจำพวกไวน์ เมื่อสามารถกู้ขึ้นมาได้ จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของบ้านท่าไคร้อีกแห่งหนึ่ง ทั้งคนในหมู่บ้าน และชาวบึงกาฬ เมื่อมีงานบุญชาวบ้านจะมาร่วมแรงร่วมใจกันจัดงานอย่างแข็งขัน ทั้งยังให้ความเคารพนับถือผู้เฒ่าผู้แก่เป็นกลุ่มบุคคลสำคัญในการจัดพิธีต่างๆ สำหรับชุมชนนี้เราได้ลิ้มรสอาหารพื้นเมือง ไม่ว่าจะเป็น ลาบน้ำอ้อม แกงหน่อเลา ห่อหมกปลาร้าสมุนไพร ผัดยอดฟักทอง และขนมขึ้นชื่อ ข้าวสัมปิกับขนมเทียนแก้ว

ของดี OTOP ความคิดสร้างสรรค์อันภาคภูมิแห่งบ้านท่าไคร้ ประกอบไปด้วย
-สบู่สมุนไพรไคร้ , สบู่เหลวสมุนไพร
กลุ่มสัมนาอาชีพสมุนไพรไคร้ โทร. 093-513-6685
-เครื่องจักสานจากไม้ไผ่ , กระเป๋าสาน
กลุ่มจักสานไม้ไผ่ โทร. 080-740-3766
-เครื่องดื่มสมุนไพร , แจ่วไทพวน
กลุ่มแปรรูปอาหารพื้นเมือง โทร. 086-242-9477
-ดอกไม้ประดิษฐ์จากใบยางพาร
กลุ่มดอกไม้ประดิษฐ์จากใบยางพารา โทร. 098-148-7626
-พวงกุญแจเรือกำปั่นโบราณ
กลุ่มของที่ระลึกบ้านท่าไคร้ โทร. 093-513-6685

ท่องเที่ยวบ้านท่าไคร้ สอบถามเพิ่มเติม
ติดต่อ นายวีระชัย แก้วเทพ ผู้ใหญ่บ้าน
โทร. 093-513-6685

 

จากนั้นนำพาท่านไปไหว้พระชมสะดึอแม่น้ำโขงกันที่วัดอาฮงศิลาวาส ตำบลไคสี เขตอำเภอเมืองบึงกาฬห่างจากตัวจังหวัด 21 กิโลเมตร ถือว่าเป็นจุดที่แม่น้ำโขงมีความลึกที่สุดไม่สามารถวัดความลึกได้กระแสน้ำไหลเชี่ยวมากในฤดูน้ำหลากและมีกระแสน้ำไหลวนเป็นรูปกรวยขนาดใหญ่จัง สังเกตได้จากเมื่อมีวัสดุหรือซากไม้ขนาดใหญ่ลอยมาเมื่อถึงบริเวณนี้ สิ่งของต่างๆ จะหมุนวนอยู่ประมาณ 30 นาที จึงจะไหลต่อไป ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็น “สะดือแม่น้ำโขง” มีความกว้างประมาณ 300 เมตร สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ชมพระเจดีย์ศรีอาฮง เป็นพระเจดีย์ขนาดไม่ใหญ่มากสีขาว ตั้งอยู่บนเนิน ริมแม่น้ำโขง ซึ่งในช่วงวันออกพรรษาของทุกปี ที่วัดอาฮงศิลาวาสแห่งนี้ยังเป็นจุดชมบั้งไฟพญานาคที่มากไปด้วยนักท่องเที่ยวอีกด้วย

มาถึงสุดท้ายสำหรับเส้นทางที่1ของเรานี้ จะพาท่านไปสัมผัสวิถีชีวิตอันเรียบง่าย สะท้อนผ่านขนมธรรมเนียมวัฒนธรรมพื้นบ้าน ที่สืบสานมาตั้งแต่อดีต ที่มาของชื่อ “บ้านนาดงน้อย” ตั้งขึ้นตามภูมิศาสตร์ เนื่องจากแต่ก่อนเป็นพื้นที่ป่าดงดิบมีพันธุ์ไม้นานาชนิด และพื้นที่รอบป่าเป็นที่ราบลุ่ม สลับกับที่ดอนลักษณะดินเหนียว เหมาะกับการปลูกยางพารา และการทำนาปลูกข้าว ขาวบ้านจึงเรียกว่า “นาดง” ด้วยพื้นที่ส่วนใหญ่มีทั้งสวนยางพาราและนาข้าวและอีกทั้งยังมีสวนผลไม้อีกด้วยทำให้กิจกรรมของชุมชนบ้านนาน้อยนั้นก็คือการได้นั่งรถอีแต๋นรอบหมู่บ้าน เพื่อได้สัมผัสกับวิถีของคนในหมู่บ้านได้อย่างน่าสนใจและมัคคุเทศก์น้อยที่คอยให้รายละเอียดต่างๆตลอดเส้นทาง จนมาถึงจุดพื้นที่ที่เป็นที่ไว้สำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวและทานข้าวกับอาหารพื้นบ้านสุดแซ่บ แก่งหน่อไม้ แพะหัน ลาบเป็น ปลาร้าบอง ข้าวหลาม ข้ามต้มมัด ไปพร้อมกับชมการแสดงรำพื้นบ้านของน้องๆในหมู่บ้านนาดงน้อย นอกจากนี้แล้วยังเป็นที่แสดงสินค้าของชุมชน อย่างเช่น

-ผ้าห่มโลมา/ที่นอนปิกนิก/หมอนข้าง/หมอนรองคอ
กลุ่มทอผ้าบ้านนาดงน้อย โทร. 084-327-3100
-ผ้าขาวม้า/ผ้าพันคอ
กลุ่มทอผ้าขาวม้า โทร. 084-797-5951
-หมวกจักสานไม้ไผ่ชะลอม
กลุ่มจักสาน โทร. 096-353-2846
-ไข่เค็ม/ปลาร้าบอง/กล้วยฉาบ
นางละมัย พลรักษ์ โทร. 082-229-6528

สัมผัสวิถีอันเรียบง่าย ยึดมั่นความพอเพียง
ติดต่อสอบถาม นายรวมทรัพย์ คำเพ็ชร กำนันบ้านนาดงน้อย โทร. 082-229-6528

และนี้คือเส้นทางท่องเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวิถี จังหวัดบึงกาฬเส้นทางที่1 ก้มีความน่าสนใจมากมายเลยที่เดียวทั้งที่เที่ยวและเรื่องราวของชุมชนที่น่าสนใจและน่าไปสัมผัสสำหรับเส้นต่อไปเราจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวที่ชุมชนไหนต่อในบึงกาฬก้ติดตามต่อไปนะครับบ