ช่วงปลายปีแบบนี้ใครว่าเที่ยวภาคใต้ไม่สนุก บอกเลยนะครับว่าคิดผิดอย่างแรงเลย สำหรับทริปนี้เราจะพาเพื่อนๆไปเช็กอินร้านดัง พร้อมทั้งสถานที่เที่ยวเก๋ๆ ของภูเก็ต ระนอง พังงา ว่ามีอะไรน่าสนใจกันบ้าง ว่าแล้วเราเริ่มกันที่จังหวัดภูเก็ตกันเลยดีกว่า

ที่แรกเราจะพาไปกินก็คือร้าน จ่วนเฮี้ยงติ๋มซำ สาขา2 เป็นร้านเก่าแก่กว่า100ปี ประจำจังหวัดภูเก็ตเลยก็ว่าได้ ขายมา3รุ่นแล้ว ชาวภูเก็ตทุกคนจะรู้จักร้านติ่มซำ โกหลาว ร้านที่อยู่ใกล้ๆ วงเวียนน้ำพุ ต่อมา รุ่นทายาทโกหลาวก็ได้ไปเปิดร้านติ่มซำกันอีก 2 ร้าน คือ จ่วนเฮี้ยง และ ติ่มซำสามกอง เมื่อปลายปี 2555 ร้านจ่วนเฮี้ยงก็ได้ขยายกิจการไปเปิดร้านใหม่เพิ่มอีก ที่ ภูเก็ตทาวน์ ถนนพูนผลเป็นร้านขนาด 2 คูหา กว้างขวาง สะอาด มีโต๊ะเยอะ ลูกค้าไม่ต้องไปรอโต๊ะแบบร้านเก่าที่บางเหนียว พร้อมกับบริเวณร้านก็มีที่จอดรถเยอะ สะดวกขึ้นอีกมากๆ ร้านตั้งอยู่ที่สาขา 2 (ในโครงการภูเก็ตแอท ทาวน์ พูนผล ซอยด้านข้างธนาคารออมสิน ถ.พูนผล ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต) ไปช่วง 9 โมงครึ่งคนยังคึกคักอยู่ ร้านเปิด 6:30-11.00

กินกันอิ่มแล้วก็มาเริ่มเที่ยวกันในเมืองภูเก็ตจะพาเพื่อนๆไปชมวิวเมืองภูเก็ตกันที่ เขารัง เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ เป็นเนินเขาอยู่ในตัวเมืองภูเก็ตทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ รถยนต์และยานพาหนะอื่นๆสามารถขึ้นไปถึงยอดเขาตามถนน “คอซิมบี้” สามารถเห็นทัศนียภาพของเกาะภูเก็ตได้อย่างดเจน ยิ่งเป็นช่วงเวลากลางคืนจะเห็นแสงไฟจากตามบ้านเรือนงามระยิบระยับจึงเป็นจุดชมทิวทัศที่ได้รับความนิยมมากของประชากร ภายในจังหวัดและเขารังยังเป็นสวนสุขภาพและสวนสาธารณะไว้พักผ่อนหย่อนใจ จึงมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศที่ต้องการมาชมทัศนียภาพของเมืองภูเก็ตยามราตรีอันงดงาม

ลงมาจากเขารัง เราจะพาไปแวะชิม โลบะ บางเหนียว อาหารท้องถิ่นภูเก็ต ต้องลอง โลบะบางเหนียว ร้านสะอาด บริการเป็นกันเอง ช่วงบ่ายสามคนเยอะมาก เข้ามาเรื่อยๆ เมื่อก่อนร้านอยู่บางเหนียว ตอนนี้อยู่ตรงทางขึ้นเขารัง ตรงข้ามร้านเครื่องเขียนเกียรติ์สินธ์ ถ.แม่หลวน โลบะเป็นอาหารจีนฮกเกี้ยน แนวเครื่องในหมูทอด เช่น ปอด หัวใจ ลิ้น ไส้ ฯ เป็นอาหารทานเล่น ไปคนเดียวสั่งชุดเล็ก เสริฟมาพร้อมแตงกวา น้าจิ้มออกหวานๆแต่มีพริกป่นตั้งไว้ตามโต๊ะถ้าชอบเผ็ด เกี้ยนทอดอร่อยค่ะรสชาติคล้ายๆฮ้อยจ้อ บักกุ๊ดเต๋ เป็นซุปซี่โครงหมูตุ๋นยาจีนร้อนๆอร่อยมากขอบอก

ที่อยู่ : ถนนคอซิมบี้ (แยกทางขึ้นเขารัง. / อาหารพื้นเมือง) วิชิต , เมืองภูเก็ต , ภูเก็ต 83000

เบอร์โทร : +6676-234693

วันเปิดทำการ : ทุกวัน

มีแรงเดินกันต่อพาไปถ่ายรูปเก๋ๆ ที่ย่านเมืองเก่า เพราะภูเก็ตยังจัดว่าเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์และความรุ่งเรืองอันยาวนานอีกเมืองหนึ่งของไทยโดยหนึ่งในรอยอดีต อันรุ่งเรืองของภูเก็ต ตึกเก่าแบบชิโน-โปรตุกีสถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2446 เนื่องจากการทำเหมือง แร่ที่เติบโตทำให้ชาวจีน และชาวตะวันตก ต่างหลั่งไหลเข้ามาที่เมืองภูเก็ตเป็นจำนวนมาก เมื่อเข้าสู่เขตเทศบาลเมือง ภูเก็ตสิ่งแรกที่ผู้ไปเยือนจะรู้สึกสะดุดตาก็คือตึกเก่า ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในย่านการ ค้าเก่าเเก่ของเมือง เป็นอาคารสไตล์ ชิโนโปรตุกีสที่ผสมผสานเอาความเป็นศิลปะตะวันตกและตะวันออก เข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน จนเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองภูเก็ต ตึกเก่าเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วตัวเมืองภูเก็ต สามารถเดินชม ได้อย่างต่อ เนื่อง นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารอร่อยหลายเจ้าให้เที่ยวไปกินไปอย่างเพลิดเพลินและทางเทศบาล เมืองภูเก็ต ก็ได้เห็นถึง ความสำคัญของสถาปัตยกรรมเหล่านี้ โดยได้ทำการอนุรักษ์รูปแบบสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสนี้ ไว้และจัดให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ของการท่องเที่ยว จัดให้มีเส้นทางเดินชมเมืองเก่าภูเก็ต เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ สัมผัสกับความสวยงามของบ้านเรือนเก่าแก่ ของภูเก็ต และสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส ที่สวยงาม พร้อมๆกับได้ สัมผัสวัฒนธรรมและวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ของคนภูเก็ตและ ที่สำคัญ อาหารอร่อยเลื่องชื่อการเดิน ชมเมืองเก่า เสน่ห์แห่ง ชิโนโปรตุกีส เป็นเส้นทางประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การศึกษายิ่ง

ถนนถลางและซอยรมณีย์
เป็นถนนสายประวิติศาสตร์อันเก่าแก่ ตรงช่วงนี้จะมีอาคารตึกแถวเก่าที่มีรูปแบบเดิมๆเกาะกลุ่มกันอยู่เป็นจำนวนมากรวมถึงร้านค้า ร้านอาหารต่าง เริ่มต้นจาก สี่แยกถ.ถลางตัดกับถ.ภูเก็ตไปจนสุดสี่แยกตัดกับ ถ.เยาวราช มีตึกแถวกว่า 151 คูหาโดยมีตึกแถว ตัวตึกมี รูปแบบการตกแต่ง ช่องหน้าต่างโค้งตามแบบสถาปัตยกรรมยุคนีโอคลาสสิค มีลวดลายที่ดงามเน้นธรรมชาติเถาไม้ ใบไม้ และรูปสัตว์ ตึกแถวบริเวณนี้มี ลักษณะ เด่นอยู่ที่ประตูด้านหน้า เป็นแบบบานเฟี้ยมไม้เก่าแก่ ช่วงเสาจะ กว้างเท่ากับตึก 2 คูหารวมกัน มีการนำ ศิลปะการเจาะช่อง หน้าต่างและ ลวดลายปูนปั้นแบบอาร์ตเดโคมาใช้ได้อย่าง กลมกลืน และสวยงาม ซึ่งในปัจจุบันบ้านเรือนและ อาคารหลายหลัง ก็ได้มี การทาสีใหม่ แต่ยังคงรูปแบบเดิมไว้ นอกจากนี้ยังมีซอยรมณีย์ ซอยเล็กๆระหว่างเส้นถนนถลาง มีมีอาคาร สีสันหลายสีทั้งชมพู เหลือง น้ำเงิน เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด

เดินถ่ายรูปกันเหนื่อยแล้วได้เวลาเติมพลังยามบ่ายกันที่ บะหมี่ต้นโพธิ์ มาภูเก็ต ถ้าไม่แวะทานหมี่ต้นโพธิ์ ถือว่ามาไม่ถึง ที่จริงแล้ว เมนูของร้านก็คือ หมี่ฮกเกี้ยน อันมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ชาวจีนฮกเกี้ยนมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ภูเก็ต และได้อนุรักษ์เมนูความอร่อยเอาไว้ให้ลูกหลานได้รู้จัก หมี่ฮกเกี้ยน จึงกลายเป็นเมนูยอดฮิตที่คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวนิยมแวะมาลิ้มลอง จุดเด่นของ หมี่ฮกเกี้ยน อยู่ที่ขั้นตอนการทำเส้นที่สดใหม่ ด้วยคุณสมบัติของเส้นที่เหนียวนุ่ม เมื่อนำไปผัดด้วยไฟแรงพร้อมเครื่องปรุงต่างๆ เพิ่มความอร่อยด้วยน้ำซุปรสกลมกล่อม ผัดด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิม บนเตาถ่านแบบโบราณจะช่วยให้มีความหอมมากยิ่งขึ้น ร้านหมี่ต้นโพธิ์ เปิดให้บริการทั้งหมด 3 สาขา ซึ่งสาขาวงเวียนสุรินทร์ หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า วงเวียนหอนาฬิกา เป็นสาขาดั้งเดิมที่เปิดให้บริการมายาวนาน นอกจากที่นี่จะมีเมนู หมี่ฮกเกี้ยน เป็นพระเอกของร้านแล้ว ยังมีการนำเส้นหมี่ฮกเกี้ยนไปทำเมนูอร่อยๆ อย่าง หมี่ต้มยำทะเล, หมี่ผัดขี้เมา ซึ่งเป็นการเพิ่มรสชาติให้อร่อยหลากหลายมากขึ้น

  • ที่อยู่ : 214/7-8 ถ.ภูเก็ต ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต 83000

  • โทรศัพท์ : 076216293 , 0897299638

กินอิ่มแล้วได้เวลาลงชายหาดเล่นน้ำกันบ้าง ชายหาดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอันดับสองของภูเก็ต ที่นี่เลย “หาดกะรน” เป็นชายหาดที่ยาวที่สุดในเกาะภูเก็ตเลยค่ะ อยู่ถัดจากหาดกะตะไปทางเหนือ เป็นหาดที่มีหาดทรายขาวละเอียดเช่นกัน คลื่นลมแรง ที่นี่ก็มีกิจกรรมให้เลือกเล่นริมหาดมากมาย เช่น เจ็ทสกี เรือกล้วย และพาราเซล หรือจะเอาอุปกรณ์กีฬามาเล่นกันบริเวณหน้าหาดก็ได้นะคะ หาดกะรนเที่ยวง่ายมีทางเดินเลียบหาดและถนนเลียบหาด เหมาะกับการขับรถชมวิวเล่นรอบหาด แถมมีจุดดำน้ำใกล้ๆ หาดกะรน สามารถเช่าเหมาเรือไปดำน้ำชมแนวปะการังและฝูงปลาสวยงามได้ที่เกาะปู และเกาะหินด้วยนะคะ นั่งรถโพถ้องไปได้ ราคาประมาณ 35 บาท จากคิวรถในตัวเมือง ออกเดินทางทุกๆ 15-30 นาที สามารถขับรถยนต์ หรือมอเตอร์ไซต์มาได้ โดยมีสองเส้นทาง หากมาทางหาดกะตะขับรถมาตามถนนสายหลัก จะอยู่ถัด จากหาดกะตะไปทางด้านทิศเหนือเพียงประมาณ 5 นาที หรืออีกเส้นทางหนึ่งสามารถเดินทางมาจากหาดป่าตองได้เช่นกัน โดยจะใช้เวลา ประมาณ 20 นาที

สำหรับกิจกรรมต่อไปถือว่าถ้ามาภูเก็ตแล้วไม่ได้มาชมพระอาทิตย์ตกดินที่แหลมพรมเทพ ถือว่าไม่ถึงภูเก็ตจริงๆนะเธอ แหลมพรหมเทพจัดเป็นหนึ่งใน จุดชมอาทิตย์ตกก่อนใครที่สวยที่สุดในเมืองไทย เป็นแหลมที่อยู่ใต้สุดของเกาะภูเก็ตห่างจากตัวเมืองประมาณ 19 กม.มีลักษณะเป็นแหลมโค้งไล่ระดับทอดตัวสู่ท้องทะเล รอบข้างแวดล้อมด้วยต้นตาลที่ขึ้นแทรกอยู่เรียงรายตาม ต้นหญ้าที่พัดพลิ้วด้านขวาเป็นหาดในหานและเกาะมัน ส่วนด้านซ้ายจะมองเห็นหาดในยะซึ่งเป็นหาดเล็ก ๆโดย ทั่วไป นักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเที่ยวหรือพักที่หาดใด พอช่วงใกล้เย็นพากันมาชมพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพ หากมาเที่ยวในวันที่อากาศดี ท้องฟ้าเปิด มีเมฆน้อย บรรยากาศพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพจะสวยงามมาก หากมาในฤดูร้อนมีทุ่งหญ้าสีทองขึ้นปกคลุมสวยงามมาก มองเห็นเกาะแก้วน้อย เกาะแก้วใหญ่และเกามัน ส่วน ในฤดูฝนจะเป็น เป็นสีเขียวรอบๆ แหลมพรหมเทพเป็นโขดหินขนาดใหญ่ยามคลื่นลมแรงจะเห็นฟองคลื่นสีขาว กระทบโขดหินงดงามยิ่งนัก

ก่อนถึงแหลมพรหมเทพจะผ่านหาดราไวย์อาจแวะชมทิวทัศน์ที่หาดราไวย์ หรือนั่งรับประทานอาหารเย็นรับลม ทะเล ก่อนขึ้นเขาไปแหลมพรหมเทพ ระยะทางขึ้นประมาณ 695 เมตร มีลานจอดรถ จากลานจอดรถมี บันได ขึ้นไป ยังเนินเขา เพื่อชมวิวพระอาทิตย์ตก ก่อนพระอาทิตย์ตกนักท่องเที่ยวอาจเดินชมวิวอยู่ด้านบนถนน หรืออาจจะลง ไป ชมวิวที่ปลาย แหลมก็ต้องเดินลงไปอีกประมาณ 1 ก.ม. ซึ่งระยะทางการเดินก็ค่อนข้างชัน ต้องเดินลงไปด้วย ความระมัดระวัง นอกจากความงามยามดวงตะวันลับฟ้าแล้ว แหลมพรหมเทพยังมี ประภาคารกาญจนาภิเษก เป็นอีกหนึ่งจุดสนใจ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติทรงครองราชย์ 50 ปีแล้ว ประภาคารแห่งนี้ยังใช้เป็นเครื่องหมายในการเดินเรือ เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของเส้นทางคมนาคมทางทะเลที่สำคัญแห่งท้องทะเลอันดามัน ภายใน

หลังจากฟินกับพระอาทิตย์ตกดินกันที่แหลมพรมเทพกันแล้วได้เวลาอาหารเย็น ที่เราจะพาไปกินกันที่ โกอ่างซีฟู้ด เป็นร้านอาหารทะเลชื่อดังที่ได้รับการการันตีว่าไม่ควรพลาดหากไปเยือนเมืองภูเก็ต ร้านหาไม่ยาก ตั้งอยู่ในตัวเมือง ติดถนนใหญ่ (ถนนภูเก็ต) ใกล้กับวงเวียนหอนาฬิกา ทางร้านเปิดขายช่วงแดดร่มลมตกเป็นต้นไป ขึ้นชื่อในเรื่องของรสชาติอาหารจัดจ้าน และคุณภาพสดใหม่ ในราคาย่อมเยาว์ ร้านนี้ถือเป็นอีกร้านที่ใครต่างพูดถึงว่า ถ้ามาไม่ถึงร้านนี้ แสดงว่ามาไม่ถึงภูเก็ต อาหารแนะนำสำหรับร้านนี้ คือ น้ำพริกกุ้งเสียบ และแกงส้มใต้ท้องปลากระพงแดง

เปิด-ปิดเวลา: 17:00-23:00 น.
ที่ตั้ง: 226 ซอยฮับเอก ถนนภูเก็ต ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
โทรศัพท์: 076 221 460

มาภูเก็ตนอกจากอาหารทะเลสดๆแล้วก็ยังมี ข้าวต้มแห้ง “โกเบนซ์” ด้วยความเก๋าที่เปิดมาแล้วกว่า 17ปี จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้คนล้นร้านแบบนี้และติดใจรสชาติที่อร่อยถูกปากที่ใช้ข้าวสารอย่างดีอัดแน่นด้วยเครื่องที่สามารถเลือกได้ตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็นหมูสับ หมูกรอบ เครื่องในหมู พร้อมด้วยน้ำซุปเสิร์ฟแยกให้ซดร้อนๆ กินคล่องคอยิ่งขึ้น แต่ถ้าใครชอบกินแบบน้ำจะสั่งเป็นข้าวต้มมากินเลยก็ได้ นอกจากนี้ยังมีก๋วยจั๊บ เอาใจคนชอบเส้นให้ได้อิ่มอร่อยกับเส้นก๋วยจั๊บเหนียวนุ่ม เสิร์ฟพร้อมสารพัดเครื่องจัดเต็ม และน้ำซุปกระดูกหมูที่เคี่ยวกันเป็นวันๆ จึงได้รสชาติที่หวานหอม กลมกล่อม ลงตัวกับความกรอบของหมูกรอบอีก หากใครอยากลิ้มรสความอร่อย บางช่วงอาจจะต้องใจเย็นนิดนึง เพราะช่วงหัวค่ำคนแน่นทุกวัน และที่ร้านไม่รับจองที่นั่งทางโทรศัพท์ เรียกว่าเป็นร้านอาหารที่กินง่าย เอาใจคนนอนดึกได้อิ่มท้องนอนหลับสบาย

ร้านโกเบ๊นซ์ข้าวต้มแห้งภูเก็ต ตั้งอยู่ที่สี่แยกถนนกระบี่ตัดกับถนนปฏิพัทธิ์ ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เปิดเวลา 19.00 – 02.00 น. โทร. 086-610-0786, 084-053-3174

กินอิ่มท้องกันเรียบร้อยแล้วได้เวลาพักผ่อนกันที่ EcoLoft Hotel ตั้งอยู่ในตัวเมืองภูเก็ต ห่างจากย่านเมืองเก่าภูเก็ตไม่ถึง 1 กม. มีสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ห้องพักปลอดบุหรี่ และอินเทอร์เน็ตไร้สาย (WiFi) ฟรี ที่พักตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น บ้านชินประชา และพิพิธภัณฑ์ไทยหัว โรงแรมมีอ่างน้ำอุ่น และเลานจ์ส่วนกลาง โรบินสันโอเชี่ยนภูเก็ตอยู่ห่างออกไปไม่ถึง 1 กม.ห้องพักทุกห้องมีเครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์จอแบนระบบช่องสัญญาณดาวเทียม กาต้มน้ำ บิเดต์ เครื่องใช้ในห้องน้ำฟรี และโต๊ะทำงาน ห้องพักมีห้องน้ำส่วนตัว บางห้องมีลานระเบียง ห้องพักมีตู้เสื้อผ้าแผนกต้อนรับสามารถให้คำแนะนำต่าง ๆ เกี่ยวกับพื้นที่เพื่อช่วยผู้เข้าพักวางแผนกิจกรรมในแต่ละวัน โรงแรมแห่งนี้อยู่ห่างจากอนุสาวรีย์หัวขุดแร่สะพานหิน 2 กม. สนามบินนานาชาติภูเก็ตซึ่งเป็นสนามบินที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไป 33 กม. นี่เป็นบริเวณโปรดของผู้เข้าพักในเมืองภูเก็ต

1 Phangnga Soi 4 | 1 พังงา ซอย 4, เมืองภูเก็ต, จังหวัดภูเก็ต 83000

โทรศัพท์: 076 355 670

https://www.facebook.com/ecolofthotel/

เริ่มต้นอาหารเช้ากันตามแบบฉบับของคนภูเก็ตกันที่ บุญรัตน์ ติ๋มซำ ด้วยสูตรต้นตำรับจากจีนแผ่นดินใหญ่ ผ่านการพัฒนาปรุงแต่งรสชาติจนได้สูตรลับเฉพาะที่ทุกคนชื่นชอบ ในความอร่อย สืบทอดมากว่าร้อยปี จากรุ่นแรกจวบจนรุ่นที่ 4 แต่คุณภาพ และ ความอร่อยกลับไม่ได้ลดลงตามกาลเวลา เพราะความใส่ใจในวัตถุดิบที่สด สะอาด พิถีพิถัน คลุกเคล้าด้วยเครื่องปรุงที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี ทำให้เรามั่นใจในมาตรฐานความอร่อยเสมอมา ด้วยความเป็นร้านดั้งเดิมและหลายคนคุ้นลิ้นในรสชาติน้ำจิ้ม ที่เป็นสูตรเก่าแก่ของทางร้าน ทำให้ถ้าถามคนในพื้นที่ จะแนะนำร้านนี้ มีถึง 3 สาขา

บุญรัตน์ สาขา 1

26/41 ถ.บางกอก ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต

บุญรัตน์ สาขา 2

5/2 ถ.ดิลกอุทิศ 2 ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต

บุญรัตน์ สาขา 3

55/692-693 ถ.เจ้าฟ้า ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต

เปิด 6.00 – 9.30

076-212-034 หรือ 076-210-897

มาถึงสถานที่ส่งท้ายของจังหวัตภูเก็ตกันที่สะพานสารสิน เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างจังหวัดพังงากับจังหวัดภูเก็ต เป็นสะพานแรกที่มีการสร้างเพื่อข้ามจากจังหวัดพังงาไปภูเก็ต เชื่อมต่อระหว่างบ้านท่าฉัตรไชยและบ้านท่านุ่นของจังหวัดพังงา โดยทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 402 มีความยาวทั้งหมด 660 เมตร

สะพานสารสิน เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเป็นสถานที่ที่เป็นตำนานความรักของหนุ่มสาวสองคนที่ไม่สมหวัง คือ โกดำ (ดำ แซ่ตัน) กับ กิ๊ว (กาญจนา แซ่หงอ) ที่มีความแตกต่างกันทางฐานะ ด้วยโกดำเป็นเพียงคนขับรถสองแถวรับจ้างและรับจ้างกรีดยาง ขณะที่กิ๊วมีฐานะที่ดีกว่า และเป็นนักศึกษาวิทยาลัยครู โดยที่ผู้ใหญ่ทางบ้านของกิ๊วได้กีดกั้นทั้งสองคบหากัน ในที่สุดทั้งคู่จึงตัดสินใจกระโดดน้ำตายที่กลางสะพานสารสิน ด้วยการใช้ผ้าขาวม้ามัดตัวทั้งสองไว้ด้วยกัน เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2516 ซึ่งเรื่องราวของทั้งคู่โด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่ว และมีการสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ คือ สะพานรักสารสิน ในปี พ.ศ. 2530

หลังจากลาจังหวัตภูเก็ตแล้วจุดหมายต่อไปเราก็จะไปต่อกันที่จังหวัดระนอง เริ่มกันที่มื้อกลางวันที่ บ้านไร่ไออรุณ ฟาร์มสเตย์ อีกหนึ่งสถานที่เรียบง่ายร่มรื่น ที่ยึดถือวิถีเกษตรแบบพอเพียงเคียงคู่กับธรรมชาติได้อย่างลงตัวเป็นฟาร์มสเตย์ มีแนวคิดที่ว่า “พื้นที่เเห่งรักที่เป็นมากกว่าบ้าน” ฟังแค่นี้หลายคนทำให้เราอยากเข้าไปสัมผัสกับที่นี่ซะแล้วสิ! บ้านแสนอบอุ่นแห่งนี้สร้างโดยคุณเบส วิโรจน์ ฉิมมี สถาปนิกหนุ่ม ที่ตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อกลับมาดูแลพ่อกับแม่ที่บ้านเกิดใน จ.ระนอง และได้สร้างบ้านให้พ่อและแม่อาศัย จนเกิดเป็นกิจการ บ้านไร่ไออรุณ ฟาร์มสเตย์ แห่งนี้ ถ้าใครได้มาพักที่นี่จะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น ความเป็นกันเองเหมือนเราอยู่บ้านบ้านไร่ไออรุณ ฟาร์มสเตย์ แบ่งออกเป็น 2 โซนคือ โซนร้านขายสินค้าการเกษตร, พืชผักสวนครัว คุณเบสและครอบครัวช่วยกันปลูก และมีสวนอาหาร ซึ่งนักท่องเที่ยวทุกคนสามารถสั่งอาหาร ของทานเล่น และเครื่องดื่มทานกันได้

โซนที่สอง เป็นบ้านพัก จะเป็นที่สงวนสิทธิ์เฉพาะคนที่เข้าพักเท่านั้น บ้านพักของ ‘บ้านไร่ไออรุณ ฟาร์มสเตย์’ มี 2 หลัง คือ “บ้านพราวตะวัน” เป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นโต๊ะวางของ และห้องน้ำ ส่วนชั้นบนเป็นห้องนอน มี 1 เตียง และอีก 1 เตียงบนชั้นใต้หลังคา ตกแต่งด้วยไม้และดอกไม้ให้ความรู้สึกน่ารักอบอุ่น ผ่อนคลาย และที่สำคัญมันโล่งและโปร่งสบายมากๆ

สอบถามเส้นทาง,รายละเอียดการจอง เเละอื่นๆ ได้ที่ 096-9382981 หรือผ่านทาง เพจ บ้านไร่ ไออรุณ https://www.facebook.com/baanraiiarun

มาถึงเมืองแห่งน้ำแร่ระนองถ้ามาไม่แช่น้ำแร่ก็คงมาไม่ถึงระนอง บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าบ่อน้ำร้อนที่นี่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองระนอง มีอยู่ 3 บ่อ คือ บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูก แต่ละบ่อมีอุณหภูมิสูงประมาณ 65 องศาเซลเซียส ประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆ ไม่มีสารกำมะถันเจือปน ซึ่งปัจจุบันนี้มีบ่อแช่น้ำแร่ที่สร้างขึ้นใหม่อยู่หลายบ่อด้วยกัน สามารถเข้าไปแช่เท้าก็ดี แช่ตัวก็ได้ แช่ขา แช่เท้า ฟรี! ดีงามแบบนี้ยิ่งห้ามพลาดไปอีกสิบระดับ ซึ่งประโยชน์ที่นอกจากจะสบายเงินในกระเป๋า ยังช่วยทำให้โลหิตในร่างกายหมุนเวียนได้ทั่วถึง บำรุงผิวพรรณให้สดใส เต่งตึง และช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย เที่ยวมาเหนื่อยๆ แล้วมานั่งแช่เท้าเป็นอะไรที่ผ่อนคลายสุดๆ

บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน
ที่ตั้ง : ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง จ.ระนอง 85000‎
โทรศัพท์ : 077813551-4
วัน/เวลาทำการ : ทุกวัน 05.00 – 21.00 น.

หลังจากแช่เท้า แช่ตัว ผ่อนคลายจนสบายใจแล้วก็มาปิดท้ายด้วยการแวะทานมื้อเย็นที่ คุ้นลิ้น ร้านอาหารใต้พื้นบ้านสูตรระนองแท้ๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับบ่อน้ำร้อนรักษะวาริน มีเมนูเด็ดแนะนำที่สามารถหาทานได้ยากอย่าง ปลาลุมพุกลุยสวน น้ำพริกไข่ปู ปลาทูทอดกะปิ นอกจากอาหารแล้วก็ยังมีเครื่องไว้คอยรองรับหลังจากแช่น้ำแร่มาแล้วอีกด้วย การเดินทางไปยังร้านอาหาร คุ้นลิ้น ระนอง : จากตัวเมืองระนอง ใช้ถนนชลระอุ มุ่งหน้าไปบ่อน้ำร้อนสวนสาธารณะรักษะวาริน ห่างจากตัวเมืองประมาณ 2 กิโลเมตร จะเห็นร้านอาหารคุ้นลิ้น อยู่ตรงข้ามบ่อน้ำแร่รักษะวาริน
ร้านอาหาร คุ้นลิ้น ระนอง
ที่ตั้ง : 1/17 ถ.ชลระอุ ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนอง 85000
โทรศัพท์ : 077-822863
เวลาเปิด/ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 21.00 น.

มาถึงตัวเมืองระนอง อย่าพลาดที่จะไปชมความสวยงามของ พระราชวังรัตนรังสรรค์(จำลอง)

ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขารัตนรังสรรค์ (ใกล้ศาลากลางจังหวัดระนอง)เป็นพระราชวังที่จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์การ เสด็จประทับแรมจังหวัดระนองของพระมหากษัตริย์ 3 พระองค์ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 พระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง) ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขารัตนรังสรรค์ (ใกล้ศาลากลางจังหวัดระนอง) ตำบลเขานิเวศน์ เป็นพระราชวังที่ทำด้วยไม้สักและไม้ตะเคียนทอง สิ่งที่จัดแสดงภายในพระราชวังฯ ได้แก่ ห้องบรรทมพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ชั้น 3)ห้องพระราชินี (ชั้น 2) มีจำนวน 6ห้อง อาคารทรงแปดเหลี่ยม อาคารท้องพระโรง สะพานเชื่อมอาคารที่ประทับกับอาคารแปดเหลี่ยม ถือเป็นพระราชวัง ที่มีการประกาศพระบรมราชโองการ ยกขึ้นเป็นพระราชวัง 1 ใน 19 แห่งของ ประเทศไทย และเป็นพระราชวัง 1 ใน 6 แห่งที่สร้างขึ้นตามหัวเมืองในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เป็นพระราชวังที่ สร้างจากไม้ทั้งหลังเพื่อเป็นอนุสรณ์ในการเสด็จประทับแรมของพระมหากษัตริย์ทั้ง 3 พระองค์ และจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ อีกแห่งหนึ่ง ของจังหวัดระนองอีกด้วย

รายละเอียด
ติดต่อเข้าชมได้จากเจ้า หน้าที่ เทศบาลเมืองระนอง โทร.077 811422 ในวันจันทร์ –วันศุกร์ เวลา 08.30 น. – 17.30 น. เว้นวันหยุดราชการ

หลังจากนี้ก็ได้เวลาอาหารเย็นกันที่ระนองแล้วสำหรับมื้อนี้จะพาไปกินอาหารถิ่น ของชาวระนองกัน ที่ร้าน ครัวพรรณีภรณ์ ชื่อเดิมชื่อร้าน Esso เพราะเมื่อก่อนเป็นร้านอาหารเล็กๆ ตั้งอยู่ในปั๊ม ขยับขยายออกมาเปิดเป็นร้านขนาดใหญ่แต่คนระนองก็ยังเรียกร้านนี้แบบติดปาก ว่าร้านเอสโซ่ อาหารของร้านนี้เป็นอาหารแบบไทยประยุกต์ มีเมนูแปลกใหม่ให้เลือกหลายอย่างแต่ก็มีบริการข้าวราดแกงแบบง่ายๆ ที่หน้าร้านด้วยเหมือนกัน เรียกได้ว่าเหมาะกับคนทุกกลุ่ม เป็นร้านที่มีปลาหลุมพุกจำหน่ายด้วย
เมนูแนะนำประจำร้านปลาหลุมพุก เมี่ยงเสวย สะเดาทรงเครื่อง เป็ดอบน้ำผึ้ง ปลาสำลีแดดเดียวหูฉลามน้ำแดง
ที่ตั้ง ข้างปั๊มเอสโซ่ ตำบล บางริ้น อำเภอเมืองระนอง ระนอง
โทร. 0 7781 1224, 0 7781 1607, 089 866 6778
เวลาทำการ 08:00 – 01:00

สิ้นสุดคืนนี้กันที่ระนอง กันที่ ฟาร์มเฮ้าส์ อีกหนึ่งร้านอาหารและโรงแรมบรรยากาศดีใจกลางเมืองระนอง เพลิดเพลินยามค่ำคืนไปกับเสียงดนตรีพร้อมอาหารหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นอาหารพื้นเมืองหรืออาหารสากล ที่ทั้งสดใหม่ ได้คุณภาพได้รสชาติและความสวยงาม นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มให้เลือกสรรกันอีกมากมาย อาทิ กาแฟสด , ค็อกเทล และเบียร์นำเข้าอีกจากหลายประเทศ นอกจากร้านอาหารที่รอให้คุณได้ลิ้มรสแล้ว ยังมีที่พักให้คุณได้นอนหลับสบายใจกลางเมืองระนองอีกด้วย ตอนนี้โรงแรมฟาร์มเฮ้าส์เปิดพื้นที่ใหม่กับห้องที่มีมากขึ้นเพียงพอต่อการรองรับอีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : โทร. 077-873-989 , 086-304-2628 , 094-424-2459 เว็บไซต์ : www.farmhouseranong.com FB : www.facebook.com/FarmHouseRestaurantRanong

จุดหมายต่อไปที่เรากำลังไปก็คือจังหวัดพังงานั้นเอง ระหว่างทางเมืองตะกั่วป่าเราจะพาเพื่อนๆไปชิม ผัดไทใจเย็นเย็น อีกหนึ่งร้านแนะนำของคนที่ผ่านไปผ่านมาแถวนี้รู้จักกันดีถึงความอร่อยที่เปิดมายาวนาน ตั้งแต่ปี 2506 เปิด 9 โมงเช้าปิด 4 โมงเย็นและปิดทุกวันพุธ เมนูผัดไทยและเมนูอื่นๆ โดนใจทั้งคนพื้นที่และคนต่างถิ่น ยอดนิยมที่สุดดูเหมือนจะเป็นผัดไทยไข่ห่อปูนิ่มคือ ผัดไทยไข่ห่อ และมีปูนิ่มทอด โปะมาให้อีก 1 ตัว ไอเดียแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร และคงไว้ ด้วยความอร่อยของผัดไทย ปกติคนจะแน่นร้านมาก ควรหลีกเลี่ยงเวลาช่วงกลางวัน ของหวานหลังอาหารมีบัวลอยไข่หวาน บัวลอยไข่เค็ม เครื่องดื่มอีกหลายอย่าง ร้านนี้การันตี อาหารทุกจานไม่ใส่ผงชูรส
ที่ตั้ง ตำบล บางนายสี อำเภอ ตะกั่วป่า พังงา
โทร. 086 943 7466
เวลาทำการ 09:00 – 16:00

กินอิ่มกันแล้วขับรถต่อไปเรื่อยๆ จะพาเพื่อนๆไปพบกับ อนุสรณ์สถานสึนามิเรือต.813 สถานที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะมีอนุสรณ์สถานแห่งนี้เกิดขึ้นในประเทศไทย ประเทศที่ถือได้ว่ามีภัยพิบัติเกิดขึ้นน้อย ความรุนแรงไม่มากนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เมื่อย้อนกลับไปในปี 2547 ณ เขาหลัก บ้านบางเนียง ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้จะสิ้นปี ผู้คนต่างเตรียมตัว วางแผนจัดงานฉลองปีใหม่ และในวันที่ 26 ธันวาคม 2547 วันที่ท้องฟ้ามีสีคราม เมฆสวยงามสดใส อากาศดี คลื่นทะเลสงบ ผู้คนต่างตื่นเช้ามาทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เข้าวัดทำบุญ เล่นน้ำทะเล วิ่งออกกำลังกายสูดอากาศบริสุทธิ์ ออกเรือหาปลา หลังจากนั้นไม่นานเวลาประมาณ 9 โมงเช้าเป็นต้นไปก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด บริเวณชาวหาดเขาหลัก บางเนียง น้ำทะเลลดลงอย่างรวดเร็ว เร็วถึงขั้นปลาว่ายน้ำตามไม่ทัน สิ่งที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเห็นคือ น้ำแห้งและมีปลานอนดิ้นมากมาย จึงเป็นเหตุให้ผู้คนต่างพาเข้าไปดูปลาเหล่านั้น ก่อนท่ีจะมีมีคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ และสูงมาก เข้ากระทบฝั่งคลื่นซัดทั้งผู้คน สัตว์น้ำ สิ่งก่อสร้างต่างๆมากมาย รวมไปถึงเรือตรวจการ 813 หรือ เรือต.813 เป็นเรือในหน่วยงานกรมตำรวจ ที่กำลังจอดปฎิบัติการอยู่บริเวณชายฝั่งเขาหลัก ถูกคลื่นซัดเข้าฝั่งข้ามผ่านถนนเพชรเกษม มายังอีกฝากของถนนหรือสถานที่ตั้งในปัจจุบันนั้นเอง

หลังจากนี้พาไปกินข้าวกลางวันกันที่ ร้านอาหารในเหมือง เขาหลัก ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เป็นร้านอาหารที่ตกแตกย้อนรอยสมัยเหมืองแร่ดีบุก ในยุคที่เมืองตะกั่วป่าทำเหมืองแร่ โดยทางร้านได้นำเอาอุปกรณ์ที่ใช้ในเหมืองแร่มาจัดแสดงอยู่ทั่วร้าน เพื่อระลึกถึงความทรงจำให้กับคนรุ่นหลังที่ไม่เคยพบเห็น และลูกค้าชาวไทย ชาวต่างชาติ ที่เดินทางมานั่งรับประทานอาหารได้เดินชม และถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ซึ่งเป็นอุปกรณ์หาดูได้ยาก เพราะจังหวัดพังงาเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ทำเหมืองแร่ดีบุกมีชื่อเสียงจังหวัดหนึ่งในประเทศไทย จากอดีตที่รุ่งเรืองของการขุดแร่ขายจนถึงยุคที่แร่ดีบุกมีราคาตกต่ำและทรัพยากรขาดแคลน นั้นคือจุดเปลี่ยนของการทำเหมืองแร่ที่พังงา และส่งผลให้พังงาก็ได้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวในปัจจุบัน สำหรับเมนูอาหารของที่นี่ค่อนข้างหลากหลายทั้งอาหารซีฟู๊ด และอาหารพื้นเมือง แต่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็น หมูฮ้อง แกงไตปลา ปลาราดพริก ผัดผักเหมียง และขนมจีน น้ำยาปู ที่มีผักพื้นบ้านพร้อมเสิร์ฟให้กับลูกค้าทุกคนแบบอร่อย

https://www.facebook.com/Naimuang.Khaolak/

กินกันอิ่มแล้วมาถึงช่วงบ่ายก็ได้เวลากาแฟ กันบ้างรอบนี้ Tree Cups Phangnga Coffee ทรีคัพ คอฟฟี่ พังงา ร้านกาแฟบนต้นไม้ที่กำลังมาแรงของจังหวัดพังงา ตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านเขาเปาะ ตำบลกระโสม อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา โดยตัวร้านตั้งอยู่บนบนต้นตะเคียนรากขนาดใหญ่มีความสูงถึง 17 เมตร อายุกว่า 300 ปี เป็นร้านกาแฟที่จะได้สัมผัสบรรยากาศของความเป็นธรรมชาติของต้นไม้เขียวขจีและอากาศแสนบริสุทธิ์ รวมทั้งสามารถชมทัศนียภาพของอ่าวพังงาได้แบบ 180 องศา

สำหรับการเดินทางใช้เส้นทางถนนเพชรเกษมเข้าสู่ตัวเมืองพังงาผ่านบ้านเขาเปราะประมาณ 1 กิโลเมตร หรือถ้าจะให้แน่นอนไม่หลงทางตั้งเส้นทางโดยใช้ google map จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าซอยเล็กๆ ต้องสังเกตป้ายร้านหน้าซอยให้ดีเพราะเล็กมาก ซอยดังกล่าวจะผ่านสวนต้นปาล์มระยะทางประมาณ 900 เมตร ถนนช่วงนี้สภาพทางเป็นดินแดงขรุขระซักหน่อย มาถึงปุ๊บจะเจอที่จอดรถ และทางเข้าร้าน ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11:00 – 17:00 น. หยุดทุกวันจันทร์ ภายในร้านมีพื้นที่ไม่กว้างมาก มีที่นั่งประมาณ 10-20 คน โดยจัดที่นั่งให้มองเห็นเห็นวิวทะเลเกาะน้อยใหญ่ของอ่าวพังงาได้แบบชัดเจนซึ่งวิวดังกล่าวถือว่าเป็นจุดขายของร้าน อากาศภายในร้านในวันที่ไปไม่ค่อยมีลมพัดเข้ามาเท่าไหร่ จะร้อนอบอ้าวซักหน่อยแต่เมื่อได้นั่งนิ่งๆมองวิวซักครู่พร้อมจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ก็พอช่วยได้บ้าง

ร้านเปิดตั้งแต่ 11:00 – 17:00 น. หยุดทุกวันจันทร์ แต่ก่อนเดินทางควรโทรมาสอบถามเพราะบางวันร้านอาจจะปิด

โทรศัพท์: 080 921 5081

https://www.facebook.com/TreeCups/

 

มาถึงอีกหนึ่งจุดที่มาถึงพังงาแล้วไม่ควรพลาดนั้นก็คือ “เสม็ดนางชี” มหัศจรรย์ความงามของอ่าวพังงา ไปชมพระอาทิตย์ขึ้น กับจุดชมวิวที่สวยที่สุดใน จ.พังงา สุดยอดวิวพอยท์ ที่เราสามารถชมวิวทิวทัศน์เกาะแก่ง ภูเขาหินปูนในอ่าวพังงา เป็นจุดชมวิวที่สามารถชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลาง ภูเขาหินปูนน้อย ใหญ่ของอ่าวพังงา ถือว่าเป็นอีกหนึ่งมุมมองที่สุดอันซีนที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นมาทักทายขอบฟ้า พร้อมแทรกตัวอยู่ระหว่าง ภูเขาน้อยใหญ่ นอกจากจากนี้ในยามค่ำคืนยังสามารถมองเห็นด้วยดาวเต็มท้องฟ้าอีกด้วย โดยการขึ้นไปจุดวิวต้องเดินเท้าขึ้น จุดชมวิวแบ่งเป็น 2 จุด คือ จุดชมวิวจุดที่ 1 ซึ่งตั้งอยู่บนสุด ระยะทางการเดินเท้าประมาณ 500 เมตร ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า และจุดชมวิวจุดที่ 2 จะถึงก่อนเห็นวิวภูเขาได้ใกล้กว่า ใช้เวลาเดินเท้าขึ้นไปประมาณ 300 เมตร ทั้งนี้ บริเวณจุดชมวิวที่ 2 มีจุดกางเต้นท์ ชื่อว่า เสม็ดนางชี รีอสร์ท ที่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวที่สนใจค้างแรมดูดาวในยามค่ำ มีห้องน้ำ ให้บริการแต่ต้องเตรียมอาหารและเครื่องดื่มขึ้นไปเอง บริเวณด้านล่างจุดจอดรถมีร้านอาหารเล็กรวมถึงร้านขายเครื่องดื่ม

ที่มาของคำว่า เสม็ดนางชี มาจากเรื่องเล่าว่าในอดีตว่า ที่หมู่บ้านแห่งนี้มีพระภิกษุชรา1รูปอาศัยอยู่ที่เขาพระอาดเฒ่า พระภิกษุหนุ่ม อาศัยอยู่ที่เขาพระอาดหนุ่มและมีแม่ชีอาศัยอยู่ที่ใกล้จุดชมวิวและจะเดินไปมาหาสู่กัน แล้วต้องเดินผ่านลำคลอง เมื่อแม่ชีเดินผ่านต้อง เหม็ดผ้าขึ้น หมายถึง พับผ้าขึ้น ให้พ้นจากระดับน้ำ ไม่เช่นนั้นชายผ้าจะเปียกหมดจึงเป็นที่มาของคำว่า เสม็ดนางชี

รายละเอียดเพิ่มเติม
ค่าธรรมเนียมการเข้าชม คนไทย 30 บาท ต่างชาติ 50 บาท เด็กเล็กฟรี ค่าเช่าเต็นท์พร้อมอาหารเช้า 400 บาท ต่อหลัง (นอนได้ 2 คน) ค่าเช่าพื้นที่กางเต็นท์ 100 บาท สำหรับผู้ที่จะมานอนค้างแรม ติดต่อได้ที่ 098 740 3897 , 081 894 1159 , 084 744 8653

การเดินทางไปจุดชมวิวเสม็ดนางชีข้าสู่อำเภอตะกั่วทุ่งไปยังบ้านท่าอยู่ สังเกตมีสะพานลอยอยู่ก่อนถึงทางเข้าบ้านท่าอยู่และมีซอยเล็กๆ ให้เลี้ยวเข้าไปขับตรงไปอีกประมาณ 13 กม. ถึงจุดจอดรถจากนั้นเดินเท้าขึ้นไป

และที่พักของเราในค่ำคืนนี้ก็คงต้องเป็นที่ Sametnangshe boutique เสม็ดนางชีบูทีค จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยสุดของทะเลอันดามัน ที่พักหลักร้อยวิวหลักล้านแห่งเมืองพังงา มีพื้นที่ให้กางเต้นท์ ในราคาหลักร้อย รวมไปถึงห้องพักที่มีหลากหลายราคาให้เลือก พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีให้ครับ ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำ ร้านอาหาร รับรองว่าวิวสวยไม่แพ้ที่ใดเลยจริงๆ เสม็ดนางชี บูทีค บ้านหินร่ม ต.คลองเคียน อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทะเลในอ่าวพังงา ที่มีป่าเกาะ เรียงรายกันอยู่สวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้ได้รับความนิยมจากบรรดานักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติขณะนี้มีเต้นที่พักไว้ให้นักท่องเที่ยวได้จองในราคา 600 – 1,200 บาท ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวขณะนี้เปิดให้บริการที่พักในรูปแบบเต็นท์ ร้านกาแฟ และร้านอาหารซีฟู๊ด บริการในราคาที่ไม่แพง ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวพักผ่อนในช่วงเทศกาลปีใหม่มีเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะช่วงวันหยุดและเทศกาล สนใจสามารถติดต่อได้ที่ “เสม็ดนางชี บูทีค” โทร.063-2298855,081-9782655

และทั้งหมดนี้เป้นเพียงส่วนหนึ่งของทริป กินเพลินเดินเก๋เท่อย่างใต้ ตะลุยภูเก็ต ระนอง พังงา ขอขอบคุณ

สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่สนับสนุนการเดินท่องเที่ยวในครั้งนี้ภายใต้กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อประชาสัมพันธ์ ด้านอาหารและการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสุราษฎร์ธานีและพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ ตามนโยบายการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ