ตามรอยพระบาท ปลูกป่า – ไหว้พระ – ปีนเขา ที่เมืองสามอ่าว
ประจวบคีรีขันธ์ ถือเป็นประตูสู่ภาคใต้ ถึงแม้คนส่วนมากมักจะมุ่งตรงไปที่หัวหินเมืองท่องเที่ยวชื่อดัง แต่เชื่อไหมว่ายังมีอีกหลายอำเภอที่น่าสนใจและมีอะไรให้ประทับใจอีกเยอะ
ครั้งนี้ “เที่ยวติดดิน” ได้เดินทางไปตามรอยพระบาท มหัศจรรย์เมืองสามอ่าว ได้แก่ อ่าวน้อย อ่าวประจวบคีรีขันธ์ และอ่าวมะนาว เดินทางไม่เกินสามชั่วโมงจากกรุงเทพฯเท่านั้น บอกเลยว่าใครมาแล้วต้องมาซ้ำไม่ผิดหวังแน่นอน
ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลน สิรินาถราชินี
ที่นี่มีการปลูกฝังเรื่องการฟื้นฟูป่าชายเลนจากนากุ้งแห่งแรกของประเทศไทยบนพื้นที่กว่า 786 ไร่ ดำเนินการฟื้นฟูตามโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ปีที่ 50 พ.ศ. 2539 ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงปลูกต้นโกงกางใบใหญ่ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545 อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติพร้อมทั้งมีหอชมวิวเก๋ให้ถ่ายรูปดูวิวรอบๆ อ.ปราณบุรีอีกด้วย เหมาะสำหรับพาเด็กๆมาเดิน ยิ่งช่วงนี้เขามีตามโครงการ ๘,๙๐๐ ถวายพ่อ ที่ทุกคนสามารถเพาะต้นกล้าไม้ชนิดต่างๆแล้วเขียนชื่อตัวเองลงได้อีกด้วยมาแล้วอิ่มใจจริงๆ
พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ
ออกจากธรรมาชาติเราก็มาเข้าวัดไหว้พระกันสักหน่อย ชาวบ้านจะเรียกกันติดปากว่าวัดทางสาย หรือวัดเขาธงชัย เป็นมหาธาตุเจดีย์ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานชื่อให้ เป็นสถาปัตยกรรมไทยสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล ในวโรกาสที่พระองค์ ครองราชย์ครบ 50 ปี โดยสัดส่วนของพระเจดีย์ เป็นทรงระฆังตั้งอยู่บนฐานไพที รูปสี่เหลี่ยมจตุรัส มีความหมายของการครองราชย์ 50 ปี คืออาคารสูง 5 ชั้น หมายถึง ขันธ์ 5 และเจดีย์หมู่ 9 องค์ หมายถึงวัดประจำรัชกาลที่ 9 นั่นเอง
สิ่งที่โดดเด่นอีกแห่งของวัดก็คือพระพุทธกิติสิริชัย หรือ “หลวงพ่อใหญ่” เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ปางสมาธิแบบคันธาระ ศิลปะอินเดีย ลักษณะประทับขัดสมาธิดอกบัว หันพระพักตร์ออกทะเล สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสที่พระองค์ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ
วัดอ่าวน้อย
ไหนๆมาทางบุญแล้วอีกวัดที่เราจะพาไปนั่นก็คือวัดอ่าวน้อย ชมความงดงามของพระอุโบสถไม้สักทองทั้งหลังมูลค่ามหาศาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ทั้งยังมีการแกะสลักเป็นลวดลายไทย ภายในพระอุโบสถยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหยกขาวให้นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้สักการะ นอกจากนี้ยังมีแนะนำให้ไปสักการะพระพุทธไสยาสน์ในถ้ำพระนอน ขนาดใหญ่ 2 องค์ ที่ต้องเดินไต่ขึ้นไปตามบันไดใช้เวลาราวๆ 10-15 นาที แต่ก็ถือว่าได้ชมวิวสวยๆของอ่าวประจวบไปในตัว
เขาช่องกระจก
วัดสุดท้ายเราที่อยากให้พลาดก็คือ วัดเขาช่องกระจก เป็นภูเขาขนาดเล็กมีลิงแสมอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ทางขึ้นอยู่ด้านหลังศาลากลางจังหวัด มีบันได 396 ขั้น ขึ้นไปจนถึงยอดเขาซึ่งมีความสูง 245 เมตรจากระดับน้ำทะเล และเป็นที่ตั้งของวัดเขาช่องกระจก ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองและพระบรมสารีริกธาตุซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาทรงประกอบพิธีบรรจุเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2501 แต่ถ้าใครไม่ชอบลิงจำนวนมากก็แนะนำให้มาช่วงเช้าๆจนถึงบ่าย เพราะเย็นๆจะเป็นช่วงที่ลิงกว่า 3,000 ตัวออกมาหาอาหาร อย่าลืมระวังโทรศัพท์และกล้องให้ดีนะจ๊ะ เพราะลิงแถวนี้ชอบถ่ายเซลฟี่ซะด้วย 5555
เขาล้อมหมาก
ถือเป็นไฮไลต์ของทริปนี้เลยก็ว่าได้ สำหรับ “กองบิน 5” ของกองทัพอากาศ เพราะมีกิจกรรมพิชิต “เขาล้อมหมวก” ที่ปีนึงเข้าเปิดให้ขึ้นแค่ไม่กี่วัน นั่นก็คือช่วงวันหยุดเทศกาล ตั้งแต่เวลา 06:00-10.00 น. สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมที่ http://www.wing5.rtaf.mi.th ก่อนขึ้นไปอย่าลืมสักการะ “ศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวก” ที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา
ระยะทางนั้นมีทั้งการเดินขึ้นบันได และต่อด้วยการใช้เชือกค่อยๆไต่ขึ้นตามทางที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 902 ฟุต หรือราว 300 เมตร และขอบอกว่าระหว่างทางขึ้นนั่นมีจุดให้พักและชมวิวถ่ายภาพอยู่หลายจุดแถมยังมีค่างแว่นเป็นเจ้าบ้านคอยรับแขกแบบเป็นกันเองอีกด้วย แนะนำให้มาตั้งแต่เช้าๆถ้าอยากได้บรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นแบบ 360 องศา เพราะกว่าจะเดินขึ้นมาถึงนั้นแล้วแต่สภาพร่างกายของแต่ละตั้งแต่ 1 – 2 ชม. แถมบางช่วงก็ทางชันแบบ 90 องศากันเลยสาวๆที่เพิ่งเคยมาแนะนำให้ใช้ถุงมือกันลื่นด้วย มันเวิร์คมากๆ นอกจากนี้ยังมีทหารประจำอยู่ทุกจุดคอยช่วยเหลือให้อุ่นใจ แต่ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนขึ้นไปถึงยอดเขาแล้วจะลืมเหนื่อยไปเลยจ้า เพราะวิวตระการตาขนาดนี้กดไปเน้นๆเป็นร้อยรูปก็ยังไหว!!!
พิพิธภัณฑ์ กองบิน 5
แถมท้ายอีกนิดหากใครยังไม่หมดแรงไปซะก่อนให้ลองเดินไปชม อุทยานประวัติศาสตร์กองบิน 5 และ อนุสาวรีย์วีรชน 8 ธันวาคม 2484 ซึ่งเป็นแหล่งศึกษาและรำลึกวีรกรรมของทหารกล้าในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพาที่ยืนหยัดต่อสู้กับกองทัพญี่ปุ่น ณ บริเวณสมรภูมิรบในบริเวณนี้ และยังมีอาคารพิพิธภัณฑ์อีก 3 หลังที่ถ่ายทอดเรื่องราวสมัยสงครามโลกผ่านไกด์ตัวน้อยที่น่ารักพร้อมตอบทุกคำถาม เรียกว่าเลือดรักชาติจะพลุ่งพล่านในตัวคุณแน่นอน ที่นี่เปิดทำการวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.00 -16.00 น.
นอกจากเที่ยวแล้วอีกอย่างที่ต้องแวะก็คือร้านอาหารทะเลบริเวณอ่าวมะนาวที่ทั้งสดและอร่อยไม่แพ้ที่อื่นและช่วงเสาร์ – อาทิตย์เขายังปิดถนนเลียบหาดเป็นถนนคนเดินให้ช้อป ชิม แชะ บรรยากาศดี๊ดีรับลมทะเล
จบทริป 2 วัน 1 คืนเต็มอิ่มทั้งกายและดีต่อใจมากจริงๆ สำหรับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมืองสาวอ่าวที่ไม่ได้มีดีแค่ทะเลเท่านั้น….