Coro Field (โคโรฟิลด์) สถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรไลฟ์สไตล์แห่งแรกในประเทศไทย ฟาร์มเกษตรแห่งนี้นับได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คที่เที่ยวแห่งใหม่ของ อ.สวนผึ้ง ที่กำลังฮิตติดกระแสอยู่ในขณะนี้เลยก็ว่าได้ ด้วยความโดดเด่นในการตกแต่งที่ดูเรียบง่ายสบายตา ถ่ายทอดกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นที่ผสมผสานกับการเกษตรของบ้านเราได้อย่างลงตัว ดึงดูดยิ่งขึ้นด้วยมาสคอตตัวกลมแสนน่ารักนามว่า CORORO KUNG (โคโรโร่คุง) ที่เรียกคะแนนความสนใจจากเด็ก ๆ และสาว ๆ ได้ไม่ยาก
ด้วยพื้นที่กว่า 104 ไร่ ของฟาร์มเกษตรแห่งนี้ ถูกเนรมิตให้ตรงกับคอนเซปต์ของชื่อ Coro Field ที่มาจากคำว่า “Coro” (โคโร่) ในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า “เวลา” และ “Field” (ฟิลด์) มาจากศัพท์ในภาษาอังกฤษที่แปลว่า “สนามกว้าง ๆ สีเขียว” Coro Field จึงมีความหมายว่า สถานที่ที่ทำให้จังหวะเวลาชีวิตของผู้ที่ได้มาสัมผัสเดินช้าลง
Coro Field เป็นฟาร์มเกษตร Organic ที่เน้นปลูกเมล่อนสายพันธุ์ญี่ปุ่นเป็นหลัก โดยเมล่อนที่ผ่านการวิจัยมาแล้วว่ามีรสชาติที่หอมหวานมากที่สุดในตอนนี้ จะมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ ได้แก่ โทมิเมล่อน, โยชิเมล่อน, โทโมโกะเมล่อน และ ยูกิเมล่อน ซึ่งสายพันธุ์ที่เป็นที่นิยมที่สุดต้องยกให้ โทมิเมล่อน เมล่อนผลสีเหลืองทอง มีเนื้อด้านในสีเขียว รสชาติกรอบ หวาน และหอมมาก ๆ ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 245 บาท ส่วนอีกสายพันธุ์คือ โยชิเมล่อน เมล่อนผลสีเขียว มีเนื้อในสีส้ม รสนุ่ม และหวานน้อยกว่า ราคากิโลกรัมละ 190 – 199 บาท นอกจากนี้ยังมีผลผลิต Organic อื่น ๆ ให้เลือกซื้อเลือกทานกันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ผักออแกนิค, มันม่วงญี่ปุ่น และ มะเขือเทศสายพันธุ์ฮอลแลนด์ ที่มีให้เลือกทั้งสีแดงและสีเหลือง
ส่วนพื้นที่สำหรับรองรับกิจกรรมต่าง ๆ ของนักท่องเที่ยวนั้นจะมีทั้งหมด 4 โซน ซึ่งจะแบ่งออกเป็น
Coro Café – ห้องกระจกในส่วนด้านหน้าสุดของฟาร์ม ที่รังสรรค์หลากเมนูสุขภาพทั้งคาวและหวานจากวัตถุดิบในฟาร์มที่แสนอร่อย นอกจากนี้ยังมีในส่วน Market ที่จำหน่ายผลผลิตสดๆ จากฟาร์มรวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่น ๆ
Coro House – การพาเข้าชมกรีนเฮ้าส์หรือโรงเรือนระบบปิดที่ทันสมัยที่สุดในอาเซียน ด้วยเทคโนโลยีอันที่สั่งตรงมาจากประเทศอิสราเอล ควบคุมการเพาะปลูกอัจฉริยะด้วยระบบ Coro Brain ไว้สำหรับปลูกเมล่อนที่ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอน
Coro Garden – กิจกรรมการพาลงมือทดลองปลูกต้นไม้ และเก็บเกี่ยวผลผลิตสดๆ จากฟาร์ม
Coro Me – กิจกรรม GIY (Glow It Yourself) ต้นไม้หลากหลายประเภท อาทิ ต้นบอนไซขนาดเล็ก, ต้นตะบองเพชร และสวนขวด หรือจะช้อปของฝากน่ารักๆ ในสไตล์ Coro Field ติดไม้ติดมือกลับบ้านก็ได้เช่นกัน
นอกจากกิจกรรมทั้ง 4 โซนที่กล่าวมาแล้วนั้น ตอนนี้ทาง Coro Field ยังได้เพิ่มกิจกรรมที่น่าสนใจมาอีก 2 ตัว นั่นก็คือ Cooking Class การเรียนทำอาหารในสไตล์ Coro Field กับเชฟมืออาชีพ และ กิจกรรมการปั่นจักรยาน เที่ยวชมวิถีเกษตรของชาวสวนผึ้งที่อยู่รอบๆ ฟาร์ม หากใครที่สนใจกิจกรรมไหนเป็นพิเศษ ก็สามารถติดตามข่าวสารและติดต่อเพื่อจับจองที่นั่งกันได้โดยตรงจากหน้า FanPage Facebook ตามลิงค์นี้เลย www.facebook.com /corofieldTH หรือจะโทร.สอบถามกันได้ที่เบอร์ 09-2569-4791
