เมืองกาญจนบุรีเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ต่างๆมากมายหลายยุคหลายสมัยเลยก็ว่าได้ สถานที่ท่องเที่ยวมีความหลากหลายทั้งธรรมชาติที่มากมายเรียกได้ว่ามากี่ทีก็เที่ยวได้ไม่หมดจริงๆ
สำหรับทริปนี้เราจะพาย้อนรอยเส้นทางจักรวรรดิญี่ปุ่น🎌สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สัมผัสธรรมชาติแคว้นโบราณ แหล่งน้ำแร่บริสุทธิ์ จ.กาญจนบุรี
SamudkojornTravel ขอพานักเดินทางไปอาบน้ำแร่ แช่ออนเซ็นเมืองไทย บำบัดสุขภาพ ในดินแดนแห่งประวัติศาสตร์
🚃 เดินทางโดยรถไฟหรูขบวนพิเศษ SRT Prestige สัมผัสธรรมชาติ และวิถีชีวิตยามเช้าบนสะพานข้ามแม่น้ำแคว แวะชมทางรถไฟสายมรณะจุดอันตรายแห่งประวัติศาสตร์ สักการะพระสีวลีภายในถ้ำกระแซ สัมผัสอารยะธรรมความรุ่งเรืองของดินแดนสุวรรณภูมิ ชมปราสาทเมืองสิงห์ ที่ได้ชื่อว่า “เมืองขอมแห่งกาญจนบุรี” แวะพักกายให้สบายใจเอาเท้าจุ่มน้ำท่ามกลางธรรมชาติสุดชิลที่ River Kwai Village จากนั้นไปแช่ออนเซ็นน้ำแร่ธรรมชาติ 15 บ่อ ที่ Rock Valley Hotspring & Fish Spa
สูดธรรมชาติบริสุทธิ์ อ.ไทรโยค เที่ยวชุมชนบ้านสามัคคีธรรม ชมปางอุ๋งแห่งเมืองกาญฯ แล้วไปสัมผัสวิถีชุมชน ลิ้มรสอาหารพื้นบ้านจากวัตถุดิบธรรมชาติ โดยการนำดอกไม้มาเป็นส่วนประกอบหลัก ที่บ้านหินงามพุพลู จากนั้นไปชมสถาปัตยกรรมโบราณ นั่งรถเจ๊ก ที่เมืองจำลองสุดอลังการ อย่าง เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 ปิดท้ายด้วยดินเนอร์ย้อนยุค ธีมวนิดา ท่ามกลางรีสอร์ตห้าดาวสไลต์โคโลเนียล Away Kanchanaburi Dheva Mantra
เริ่มต้นการเดินทางของทริปนี้ด้วยรถไฟขบวนพิเศษ SRT Prestige ซึ่งภายในจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครันซึ่งขบวนนี้จะต้องมาเป็นหมู่ขณะและทำการจองล่วงหน้ากับทางการรถไฟแห่งประเทศหรือที่หัวลำโพงก่อนนะครับถึงจะได้นั่ง รถไฟ SRT Prestige รถไฟระดับเฟิร์สคลาส จำนวน 4 โบกี้ มีลักษณะต่างจากรถไฟทั่วไป คือ มีห้องประชุม ห้องนอน ห้องอาหารหรือรถเสบียงที่แบ่งเป็นครัวร้อนและครัวเย็น ขบวนรถนี้ดัดแปลงมาจากรถโดยสารปรับอากาศเจอาร์-เวสที่ญี่ปุ่นมอบให้ไทย ปรับแต่งเป็นชุดขบวนรถพิเศษให้บุคคลทั่วไปได้เช่าเป็นชุดขบวนรถเพื่อเดินทางประชุม สัมมนาย่อย และท่องเที่ยวไปทุกจุดหมายปลายทางทั่วประเทศ SRT Prestige เป็นรถโดยสารชุดใหม่สีน้ำเงินคาดทอง ภายในตกแต่งด้วยวัสดุไม้และไฟฟ้าที่ให้แสงสว่างเหลืองทอง ทำให้ทั้งขบวนรถมีความแวววาวของสีทอง เบาะที่นั่งทำจากวัสดุที่ให้ความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ตุลาคม 2558 มีผู้ใช้บริการเช่าเฉลี่ย เดือนละกว่า 10 คณะ โดยการเช่าสามารถเช่าเฉพาะโบกี้ได้ หากแต่จะต้องเช่ารถเสบียงครัวร้อนหรือครัวเย็นไปด้วย เพราะเป็นรถที่มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ การเช่ารถขบวนพิเศษ มี 2 ประเภท คือ เช่าและพ่วงไปกับรถขบวนเดินรถปกติ หรือเช่าเป็นขบวนพิเศษที่วิ่งต่างหาก และสำรองล่วงหน้าอย่างน้อย 15 วัน
ขบวนรถไฟผ่านเมืองนครปฐมเราก็ยังมีเวลาพอที่จะลงไปเลือกซื้อขนมหรือแวะลงไปไหว้องค์พระปฐมเจดีย์กันสัก40นาที เนื่องจากต้องรอเวลารถไฟสับรางรถไฟกันถือว่าเป็นของแถมและทำให้เรามีเวลาดื่มด่ำกับสถานที่สำคัญๆแต่ก็อย่าอยู่นานนะครับเดี๋ยวรถไฟจะออกก่อน อีกหนึ่งจุดหมายที่เรายังมีเวลาแวะนั้นก็คือสะพานข้ามแม่น้ำแคว สะพานข้ามแม่น้ำแคว เดิมสร้างขึ้นโดยแรงงานของเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ภายใต้การควบคุมของกองทัพญี่ปุ่น การก่อสร้างใช้เวลาแล้วเสร็จเพียงหนึ่งปี ก่อนจะถูกระเบิดทิ้งทำลายจากกองบินสัมพันธมิตรจนสะพานช่วงกลางพังถล่มลงมา ต่อมาภายหลังสงครามโลกยุติลง รัฐบาลไทยได้ซื้อทางรถไฟนี้ต่อจากอังกฤษมาเป็นเงินจำนวน 50 ล้านบาท แล้วบูรณะซ่อมแซมขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2489 การซ่อมในครั้งนั้นได้ยุบตอม่อกลาง (ตัวที่ 5-6) แล้วสร้างเป็นสะพานเหล็ก 2 ช่วง แทนของเดิม กับเปลี่ยนช่วงสะพานไม้ด้านปลายทางเป็นสะพานเหล็กแทนสะพานไม้ รวมความยาวของสะพานทั้งสิ้น 322.90 เมตร
ทางรถไฟสายมรณะ สร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยรัฐบาลญี่ปุ่นขอยืมเงินจากรัฐบาลไทย จำนวน 4 ล้านบาท การก่อสร้างใช้เวลาในการสร้างเสร็จเพียง 1 ปี ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2485 ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2486 เพื่อใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ผ่านประเทศพม่า หลังสงครามทางรถไฟบางส่วนถูกรื้อทิ้ง บางส่วนจมอยู่ใต้อ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ์ ทางรถไฟสายนี้ถือเป็นอนุสรณ์ให้รำลึกถึงเหตุการณ์สงครามในครั้งนั้น เนื่องจากน้ำพักน้ำแรงของการบุกเบิกก่อสร้าง เป็นของทหารเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ที่กองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์มา
เหตุที่ทางรถไฟสายนี้ได้ชื่อว่า ทางรถไฟสายมรณะ ก็เพราะว่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึกฝ่ายพันธมิตร ได้แก่ ทหารอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย ฮอลันดาและนิวซีแลนด์ ประมาณ 61,700 คนและกรรมกรชาวชาวจีน ญวน ชวา มลายู พม่า อินเดีย อีกจำนวนมากมาก่อสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นเส้นทางผ่านไปสู่ประเทศพม่า เพื่อลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งกำลังพล เพื่อจะไปโจมตีพม่าและอินเดียต่อไป ซึ่งขณะนั้นเป็นดินแดนอาณานิคมของอังกฤษ เส้นทางช่วงหนึ่งจะต้องข้ามแม่น้ำแควใหญ่จึงต้องมีการสร้างสะพานขึ้น การสร้างสะพานและทางรถไฟสายนี้เต็มไปด้วยความยากลำบาก ความทารุณของสงครามและโรคภัยตลอดจนการขาดแคลนอาหาร ทำให้เชลยศึกจำนวนหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลง ทางรถไฟสายนี้สร้างเสร็จเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2486 และเปิดใช้ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ปีเดียวกัน
ลงจากรถไฟสายมรณะแล้วเรานั่งรถกันต่อปที่ อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ ปราสาทเมืองสิงห์ มีจุดมุ่งหมายสร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธศาสนสถานในพุทธศาสนา นิกายมหายาน จากการขุดตกแต่งของกรมศิลปากรที่ค่อยทำค่อยไปตั้งแต่ พ.ศ. 2478 แต่มาเริ่มบุกเบิกกันจริงจังเมื่อ พ.ศ. 2517 แล้วเสร็จเป็นอุทยานประวัติศาสตร์เมื่อ พ.ศ. 2530 จึงสวยงามดังที่เห็นอยู่ในวันนี้ ปราสาทเมืองสิงห์นี้กล่าวว่าสถาปัตยกรรมและปฏิมากรรม คล้ายคลึงกับของสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (พ.ศ. 1720 – 1780) กษัตริย์นักสร้างปราสาทแห่งขอม จากการขุดแต่งของกรมศิลปากร พบศิลปกรรมที่สำคัญยิ่งคือพระพุทธรูปนาคปรก พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และ นางปรัชญาปารมิตา และยังพบรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมีอีกองค์หนึ่ง รูปลักษณ์คล้ายกับที่พบในประเทศกัมพูชา ปัจจุบันกรมศิลปากรได้นำไปเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร แล้ว คงเหลือแต่องค์จำลองไว้
หลังจากเดินศึกษาประวัติศาสตร์กันร้อนๆก็ได้เวลาไปแช่ออนเซ็นน้ำแร่ธรรมชาติ 15 บ่อ ที่ Rock Valley Hotspring & Fish Spa นอนแช่น้ำแร่ สปาปลา ที่มีให้เราแช่กันถึง 15 บ่อ ในราคาแค่คนละ 650 บาท ไม่มีเวลาจำกัดจะแช่นานแค่ไหนก็ได้ แช่ให้ตัวซีดไปข้างนึงที่ ROCK VALLEY HOT SPRING & FISH SPA สปาท่ามกลางธรรมชาติติดริมน้ำแคว ตั้งอยู่ในอำเภอไทรโยค กาญจนบุรี ในเครือของโรงแรมริเวอร์แคววิลเลจ ซึ่งมีให้แช่หลายบ่อ ตั้งแต่บ่อน้ำร้อนธรรมชาติ บ่อน้ำร้อนพร้อมสมุนไพร และสปาปลา ที่ช่วยคุณและผ่อนคลายความเครียด ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบรรเทาอาการอักเสบของกล้ามเนิ้อ ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย และยังมีคุณประโยชน์อีกมากมาย ถิอว่าเป็นการแช่น้ำร้อนที่ผ่อนคลายมาก ในราคา 650 บาท มีบ่อน้ำให้แช่มากขนาดนี้แถมไม่จำกัดเวลาด้วย ถือว่าคุ้มสุดๆผ่านไปมาแถวกาญจนบุรีก็แวะมาแช่ตัว สปาปลากันได้รับรองว่าประทับใจแน่นอน ติดต่อสอบถามกันได้ที่ 083 242 1120 https://www.facebook.com/rockvalleyhotspringandfishspa/
หลังจากแช่น้ำแร่กันสบายตัวแล้วได้เวลาเข้าที่พักกันที่River Kwai Village สถานที่พักตากอากาศและ Onsen ท่ามกลางขุนเขาและแม่น้ำ ริมแม่น้ำแคว มาที่นี่ถือว่าเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่แสนพิเศษมากมาย มีความสุข สนุกสุดๆ ตั้งแต่ไปพักที่กาญจนบุรีมาก็หลายครั้งไม่เคยประทับใจที่พักอะไรขนาดนี้เลยต้องขอรีวิวสักหน่อย ขอบอกว่าบรรยากาศดี ได้สูดอากาศดีอย่างเต็มปอด บนที่พักอาคารใหม่ ทันสมัยที่สุดในคุ้งน้ำแม่น้ำแควที่สวยงาม แถมกิจกรรมเพียบเรียกได้ว่าครบครันแม้กระทั่งบาร์ พับ เหมาะสำหรับคนชอบเที่ยวและทำกิจกรรมภายในโรงแรม รองรับกิจกรรม Walk Rally หรือ Outing ได้สบาย และที่อยากแนะนำให้ลองคือไปแช่น้ำแร่ ทำสปาที่ Rock Valley Hot Spring & Fish Spaสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : โรงแรมริเวอร์แคววิลเลจ กาญจนบุรี
www.riverkwaivillagehotel.com หรือ https://www.facebook.com/riverkwaivillagehotel
ที่อยู่ 74/12 หมู่ 4 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี, 71150
สำนักงานในกรุงเทพฯ 1054/4 ถ.เพชรบุรี มักกะสัน ราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
ติดต่อ: 02-2517828 , 02-2517552
ออกจากที่พักเริ่มต้นกันต่อเที่ยวชุมชนบ้านสามัคคีธรรม ชมปางอุ๋งแห่งเมืองกาญฯ แล้วไปสัมผัสวิถีชุมชน ลิ้มรสอาหารพื้นบ้านจากวัตถุดิบธรรมชาติ โดยการนำดอกไม้มาเป็นส่วนประกอบหลัก ที่บ้านหินงามพุพลู พร้อมทั้งชมการแสดงจากน้องๆในชุมชน
เมืองมัลลิกา ร.ศ.124 เมืองแห่งวัฒนธรรม และวิถีชน เมืองมัลลิกา เป็นเมืองย้อนยุคของวิถีชีวิตชาวสยามบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ วิถีชีวิตของชาวสยามในยุค ร.ศ.๑๒๔ มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายหลายด้าน ที่เด่นชัดมากคือการประกาศเลิกทาส เมื่อทาสได้รับความเป็นไทพวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่อาศัยและทำมาหากินด้วยตนเอง ไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติหรือการดูแลของบรรดาเจ้าขุนมูลนายอีกต่อไป พวกเขาต้องดำรงชีวิตให้อยู่รอด พึ่งตนเอง และอยู่ร่วมกับคนสยามทุกหมู่เหล่า การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเหล่านี้นับเป็นรากเหง้าสำคัญของคนไทยในยุคปัจจุบัน โดยภายในเมืองมัลลิกาจะมีทั้งย่านการค้าที่จำลองวิถีความเป็นอยู่การค้าขายในสมัยนั้น หอชมเมืองจำลองมาจากหอคอยคุก ซึ่งเป็นหอคอยที่ใช้สำหรับตรวจตราป้องกันมิให้นักโทษหนี ซึ่งเมืองมัลลิกา ใช้สำหรับชมเมือง ว่ามีทัศนียภาพที่ว่างดงามเพียงใด เรือนเดี่ยว เป็นเรือนชาวบ้าน ซึ่งผู้ที่อาศัยอยู่เรือนนี้คือคนชนชั้นกรรมาชีพ มีหน้าที่ ผลิตปัจจัยเบื้องต้นในการยังชีพอันได้แก่ การทำไร่ ทำนา ทำสวน ปลูกผัก สีข้าว ทอผ้า จักสาน อันเป็นอาชีพทั่วไปของชนชั้นนี้ ในเมืองมัลลิกา นั้นจะมีเรือนเดี่ยว เพื่อแสดงถึงวิถีของชาวบ้านในสมัย ร.ศ. ๑๒๔ ว่ามีวิถีชีวิตอย่างไร เรือนคหบดี เป็นเรือนคนมีฐานะ บนเรือนคหบดีนั้น แสดงวิถีความเป็นอยู่ของชนชั้นปกครองซึ่งจะมีกิจกรรมบนเรือน เช่น งานใบตอง งานดอกไม้ งานเครื่องแขวน งานแกะสลักผลไม้ ซึ่งงานเหล่านี้เป็นงานวิจิตรที่จะใช้จริงในเมืองมัลลิกา และในบริเวนเรือนคหบดีนั้นยังเรือนที่เป็นองค์ประกอบของเรือน คือ เรือนครัว ซึ่งต้องทำอาหารเลี้ยง บ่าวไพร่ที่มีเป็นจำนวนมาก โดยการหุงข้างเตากระทะ การประกอบอาหาร หวาน คาว สำหรับรับรองแขกเหรื่อ และอื่นๆที่รอให้คุณไปสัมผัสย้อนเวลากลับไปในช่วงเวลานั้น
ก่อนเข้าที่พักแวะถ่ายรูปพร้อมดื่มกาแฟและเค้กอร่อยๆกันที่ The Village Farm To Cafe’ คาเฟต์ท่ามกลางขุนเขาในกาญจนบุรี คาเฟต์เปิดใหม่ไม่ไกลจากตัวเมืองกาญจนบุรี การเป็นฟาร์มคาเฟ่ที่บรรยากาศอบอุ่นเหมือนได้ทานอาหารที่บ้านแล้ว ที่นี่ยังตกแต่งได้เก๋ชิคโดนใจสายคาเฟ่ที่ชื่นชอบบรรยากาศชิคๆ เรียกได้ว่ามีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมากรับรองไม่ผิดหวังกันเลยทีเดียว
ได้เวลาเข้าที่พักกันที่รีสอร์ตห้าดาวสไลต์โคโลเนียล Away Kanchanaburi Dheva Mantra จุดเด่นของรีสอร์ตแห่งนี้ตั้งแต่แรกเห็นคือ เอกลักษณ์ของตัวโรงแรมสไตล์โคโลเนียลสุดคลาสสิค ทั้งรูปทรงของอาคารและสีเหลืองไข่ไก่ ที่ช่วยให้ธีมโคโลเนียลของโรงแรมนั้น เด่นชัดขึ้นมาอย่างมาก เมื่อเดินเข้ามาถึงบริเวณล็อบบี้โรงแรมยิ่งทำให้เราอินยิ่งขึ้นไปใหญ่ ราวกับว่าเราหลุดเข้าไปในยุคอดีตเลยทีเดียว เฟอร์นิเจอร์และการประดับตกแต่งบริเวณล็อบบี้เป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ทุกคนที่ได้มาพักที่นี่ ต่างตกอยู่ในภวังค์แห่งความหรูหราชั่วขณะ เรียกได้ว่ารีสอร์ทสไตล์นี้หาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้วในเมืองไทย หลังจากผ่านความตกตะลึงกับล็อบบี้ของโรงแรมไปแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทัวร์รอบที่พัก ซึ่งรีสอร์ทแห่งนี้มีขนาดใหญ่ถึง 30 ไร่ ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำแคว บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยความร่มรื่น สวนสวยพร้อมต้นไม้และไม้ดอกนานาพันธุ์ และห้ามพลาดสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปกับมุมสวยๆ ภายในรีสอร์ท ไฮไลท์สำคัญเช่น บริเวณสระว่ายน้ำ บริเวณริมแม่น้ำแคว และสวนดอกไม้และต้นไม้ในสวน
ความสะดวกสบายระดับ 5 ดาว ซึ่งมาพร้อมกับการบริการระดับไฮคลาส ที่จะทำให้คุณรู้สึกถึงความหรูหรา และความสะดวกสบายอย่างเต็มรูปแบบเป็นการเปิดประสบการณ์แห่งการพักผ่อนเต็มรูปแบบที่ประทับใจและควรค่าแก่การมาสัมผัสสักครั้ง หากคุณได้มีโอกาสมาเที่ยวกาญจนบุรี
ที่ตั้ง อเวย์กาญจนบุรี เทวมันตร์ทรารีสอร์ตแอนด์สปา : 9/99 หมู่ 3, ตำบล ท่ามะขาม อำเภอเมือง กาญจนบุรี
เบอร์ติดต่อ : 034-615-999
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://awayresorts.com/resorts/kanchanaburi-dheva-mantra
เริ่มต้นวันสุดท้ายเราออกจากที่พักกลับเข้าตัวเมืองเพื่อไปแวะไหว้พระกันที่วัดถ้ำเสือ ตั้งอยู่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี สิ่งที่สะดุดสายตาของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมวัด เพื่อกราบนมัสการพระธาตุ ก็คือ ความใหญ่โตกว้างขวาง ของวัด และพระพุทธรูปปางประทานพรที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรีตัวองค์ พระสวยงามประดับ ด้วยโมเสคสีทองทั้งองค์ เมื่อเดินทางมาถึงด้านบน ก็พบกับความสดชื่นของลมที่พัดเย็น และแรงทีเดียว มองไปด้านล่างเห็นเป็นทุ่งนาเขียวขจี นอกจากนี้ยังมีพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท องค์พระเจดีย์เป็นสีอิฐ ทั้งองค์ แบ่งเป็นชั้นต่าง ๆ หลายชั้น แต่ละชั้นจะ ประดิษฐาน พระพุทธรูปต่างๆ มากมาย จนถึงชั้นบนสุดเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาติที่อัญเชิญ มา จากประเทศ อินเดีย และยังมีวิหารต่าง ๆ ให้เข้าไปสักการะพระพุทธรูปและชื่นชมความงดงามของจิตรกรรมฝาผนังภายใน เมื่อชมจนทั่วแล้วก็ลงไป ข้างล่างเพื่อเข้าถ้ำเสือ เป็นถ้ำขนาดเล็กอยู่บริเวณเชิงเขาด้านล่าง ภายในประดิษฐานพระประจำวันเกิดและจำหน่ายวัตถุมงคล
เลยจากวัดถ้ำเสือไปเราจะพาเพื่อนๆไปชมความยิ่งใหญ่ของ ต้นจามจุรียักษ์ มีอายุมากกว่า 100 ปี ขนาด 10 คนโอบ รัศมีทรงพุ่มเฉลี่ย 25.87 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางร่มเงาประมาณ 51.75 เมตร ความสูงจากพิ้นดินถึงยอด 20เมตร มีพื้นที่ของพุ่มประมาณ 1 ไร่ 2 งาน 4 วา ซึ่งปัจจุบันหาชมต้นไม้ขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ยาก ใกล้ ๆ กันก็จะมีศาลเจ้าแม่จามจุรี ที่ชาวบ้านให้ความนับถือมาก
ต้นจามจุรียักษ์ ตั้งอยู่ในอำเภอด่านมะขามเตี้ย บ้านกสิกรรม หมู่ 5 ตำบลเกาะสำโรง หากมาจากวัดถ้ำมังกร สามารถเดินทางเข้าไปในกองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 1 (กองผสมสัตว์) กรมการสัตว์ทหารบก ผ่านวัดถ้ำมุนีย์นาถ เมื่อมาถึงกองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 1 ให้เข้าไปข้างใน ต้นจามจุรียักษ์จะอยู่ข้างในกรมการสัตว์ทหารบก เมื่อเข้าไปข้างในกรมจะมีทางแยกซ้ายขวาไม่มีป้ายบอกให้เลี้ยวขวา แล้วตรงไปเรื่อย ๆ จะมีป้ายบอกตลอดทาง ไม่มีค่าเข้าชม และเปิดตลอด 24 ชม.
เรียกได้ว่าจบทริปกับแบบประทับใจกันไปตามๆกันสำหรับทริปนี้ขอขอบคุณ รายการสมุดโคจรที่จัดกิจกรรมในครั้งนี้และสามารถติดตามข่าวสารของทริปต่างๆได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/samudkojorn/
ขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภูมิภาคภาคกลางสำหรับเส้นทางและสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆในครั้งนี้สามารถดูข้อมุลต่างได้ที่https://tiewpakklang.com/
แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าครับ